WHA-AMATA โชว์งบ Q3 กำไรกระฉุด! ลุ้นยอดโอน “ที่ดิน” ไตรมาส 4

WHA–AMATA โชว์กำไร Q3/2568 โตเด่น รับแรงหนุนธุรกิจสาธารณูปโภค–ไฟฟ้า นักวิเคราะห์มองแนวโน้มไตรมาสสุดท้ายยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากยอดโอนที่ดินว่าจะเพิ่มขึ้น


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ออกมาเป็นที่เรียบร้อย พบว่า WHA และ AMATA มีกำไรสุทธิเติบโตเมื่อเทียบช่วงปีก่อน ขณะที่ PIN และ ROJNA มีกำไรสุทธิลดลง

ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของกำไรในกลุ่มนี้ มาจากธุรกิจสาธารณูปโภค เช่น น้ำและการจัดการของเสีย รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งได้รับอานิสงส์จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวและการดำเนินงานของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 634.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.03% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 456.20 ล้านบาท เป็นผลมาจากการเติบโตอย่างโดดเด่นของธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจไฟฟ้า โดยมีรายได้และส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปัจจัยด้านอัตรากำไรของพลังงานที่สูงขึ้น

นอกจากนี้ธุรกิจให้เช่าและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ ก็ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ให้เช่าและอัตราการเช่าของคลังสินค้า

บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,138.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.57% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 476.13 ล้านบาท เป็นผลมาจากการเติบโตของธุรกิจแกนหลักในนิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้รวมและอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทขยายตัวสูงกว่าปีก่อน

รวมไปถึงรายได้จากการให้เช่าพื้นที่โรงงานสำเร็จรูปและบริการที่เกี่ยวข้องยังคงเติบโตต่อเนื่อง สนับสนุนรายได้ประจำของบริษัทให้แข็งแรงขึ้น ขณะที่ต้นทุนบางส่วนอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ดี ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจสาธารณูปโภคดีขึ้น

บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 680.82 ล้านบาท ลดลง 69.91% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2,262.76 ล้านบาท สาเหตุจากการได้รับผลกระทบจากรายได้ขายอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวจากการเลื่อนรับรู้รายได้ของลูกค้าบางราย รวมถึงรายได้ขายไฟฟ้าที่ลดลงหลังโครงการโซลาร์ฟาร์มทยอยหมดสัญญา Adder และราคาค่าไฟอ่อนตัว

ขณะที่ค่าใช้จ่ายบริการและต้นทุนบางส่วนปรับเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีผลขาดทุนจากการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ทางการเงินตามราคาตลาดเข้ามากดดันผลประกอบการเพิ่มเติม

บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ  PIN รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 56.34 ล้านบาท ลดลง 88.17% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 476.38 ล้านบาท สาเหตุมารายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์หดตัวลงมาก การโอนที่ดินที่ลดลงอย่างมากในไตรมาสนี้ ขณะที่ต้นทุนการให้เช่าและบริการยังสูงขึ้นตามการขยายพื้นที่คลังสินค้า แม้รายได้ประจำจากค่าเช่าและค่าสาธารณูปโภคจะเติบโต แต่ไม่สามารถชดเชยการลดลงของรายได้หลักได้ นอกจากนี้บริษัทยังไม่มีรายการพิเศษเชิงบวกเหมือนไตรมาสก่อน ส่งผลให้ผลกำไรโดยรวมอ่อนตัวลงอย่างมาก

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2568 ของกลุ่มหุ้นนิคมอุตสาหกรรม อาทิ WHA และ AMATA ออกมาแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์ประเมินว่าแนวโน้มผลประกอบการยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายของปี โดยนักวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ประเมินว่า WHA มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในไตรมาส 4/2568 จากหลายปัจจัยสนับสนุนสำคัญ โดยยอดขายที่ดินคาดว่าจะเติบโตแข็งแกร่งขึ้นตามปริมาณ MOU ที่มีอยู่กว่า 1,800 ไร่ ขณะเดียวกันกำไรมีโอกาสขยับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสก่อน จากยอดขายรอโอนกว่า 1,400 ไร่ รวมถึงอัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัทยังมีประมาณการกำไรราวสองร้อยล้านบาทจากการขายสินทรัพย์เข้า WHART ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการเพิ่มเติม

อีกปัจจัยบวกมาจากการเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่โลจิสติกส์ใหม่ราว 44,000 ตารางเมตรในไตรมาสดังกล่าว ส่งผลให้ยอดสัญญารวมทั้งปีจะเพิ่มเป็นประมาณ 198,000 ตารางเมตร โดยดีมานด์ส่วนใหญ่ยังมาจากผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค และธุรกิจด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของบริษัทตลอดทั้งปี

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ Pi ระบุถึงแนวโน้มผลประกอบการของ AMATA ในช่วงไตรมาส 4/2568 ยังมีโอกาสทรงตัวในระดับสูงจากฐาน Backlog ที่ ณ สิ้นงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 ยังคงอยู่ในระดับกว่า 22.50 ล้านบาท โดยนิคมอมตะซิตี้ ชลบุรี 2 จะเป็นแหล่งโอนรายได้สำคัญ หลังจากเริ่มทยอยโอนในไตรมาส 3/2568 และยังมีพื้นที่รอโอนอีกมากกว่า 900 ไร่ ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในไตรมาสถัดไป

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือยอดขายที่ดินว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายทั้งปีที่วางไว้ 2,000 ไร่หรือไม่ เนื่องจากในช่วง 9 เดือนแรกสามารถขายได้เพียง 990 ไร่ ทำให้ต้องเร่งปิดการขายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีเพื่อให้เป็นไปตามแผน

Back to top button