
NER ปริมาณขาย Q4 พุ่ง 1.2 แสนตัน มั่นใจหนุนทั้งปีแตะ 4.7 แสนตัน
NER แย้มไตรมาส 4/68 โต คาดปริมาณขายยางพารา 110,000-120,000 ตัน และราคาขายสูงกว่าไตรมาสก่อน มั่นใจหนุนยอดขายปีนี้พุ่ง 4.7 แสนตัน ทุ่มงบลงทุน 2,000 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งที่ 3 คาดเริ่มก่อสร้างปลายปีนี้ กำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ และเริ่มรับรู้รายได้ทันทีภายในไตรมาส 4/69 หนุนปริมาณขายปี 69 พุ่งแตะ 500,000 ตัน และโกยรายได้จากการขายมากกว่า 32,000 ล้านบาท
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2568 ปริมาณการขายยางพาราจะอยู่ที่ประมาณ 110,000-120,000 ตัน ซึ่งใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากยังใช้กำลังการผลิตในระดับเดิม แต่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ส่วนราคาขายยางพาราจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าไตรมาส 3/2568 ที่เป็นช่วงราคาขายต่ำที่สุดของปีนี้
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อรอส่งมอบ (Order) ลากยาวไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2569 แล้ว แบ่งเป็น ยอดขายในประเทศ 75% และยอดขายต่างประเทศ 25% ซึ่งมาจากลูกค้า 2 ประเทศหลัก ได้แแก่ จีน และสิงคโปร์ รวมทั้งยังมีออเดอร์จากอินเดียจะเริ่มปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ไตรมาส 4/2568 เป็นต้นไป เนื่องจากเพิ่งมีการเปลี่ยนสัญญาซื้อขายยางพาราจากระยะสั้นเป็นระยะยาว
ดังนั้นมั่นใจว่าภาพรวมผลการดำเนินงานทั้งปี 2568 จะสามารถผลักดันยอดขายยางพาราอยู่ที่ระดับ 470,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มียอดขายยางพารารวม 440,000 ตัน หรือคิดเป็นรายได้จากการขายรวม 31,000-32,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มีรายได้รวม 27,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทวางงบลงทุนประมาณไว้ที่ 2,000 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนก่อสร้างโรงงานใหม่แห่งที่ 3 ขนาดกำลังการผลิตรวม 320,000 ตันต่อปี จากปัจจุบัน 515,000 ตันต่อปี โดยจะทำให้มีกำลังการผลิตรวมเป็น 835,000 ตันต่อปี ซึ่งเบื้องต้นจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในไตรมาส 4/2568 และจะเปิดดำเนินการทดลองเครื่องจักรภายในไตรมาส 3/2569 โดยกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ และเริ่มรับรู้รายได้ทันทีภายในไตรมาส 4/2569 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะทำให้ปริมาณการขายของปี 2569 เพิ่มขึ้นแตะระดับ 500,000 ตัน และคิดเป็นรายได้จากการขายมากกว่าระดับ 32,000 ล้านบาท

