CLSA เปิดมุมมองเลือกตั้ง ก.พ. 69 ชู CPALL–CPN เด่น รับอานิสงส์ใช้จ่ายหาเสียง

CLSA ชี้พรรคประชาชนแรงขึ้นนำคะแนนนิยม แต่ยังเผชิญความเสี่ยงคดีการเมือง พร้อมคัดหุ้นเด่น CPALL–CPN–OSP–HMPRO และกลุ่มซ่อมแซมบ้าน รับแรงหนุนช่วงเลือกตั้งและหลังน้ำท่วม


บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ จำกัด หรือ CLSA เปิดเผยบทวิเคราะห์มุมมองการลงทุนในประเทศไทย ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่เริ่มทวีความร้อนแรงก่อนการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2569 โดยฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล อาจจำเป็นต้องตัดสินใจยุบสภาในเดือนธันวาคมนี้ หากพรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาล เนื่องจากรัฐบาลปัจจุบันถือเสียงข้างน้อยในสภา ทั้งนี้ กฎหมายกำหนดให้ต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วันหลังจากมีการยุบสภา ซึ่งสอดคล้องกับช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า

โดยผลสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดสะท้อนว่า พรรคประชาชนมีคะแนนนำในระดับ 25-29% คิดเป็นจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อ 25-29 ที่นั่งจากทั้งหมด 100 ที่นั่ง ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามประมาณหนึ่งในสามยังไม่ตัดสินใจเลือกผู้ใดเป็นนายกรัฐมนตรี ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองในหลายภูมิภาค ได้แก่ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือ ส่วน นายอนุทิน ยังคงได้รับคะแนนนิยมอันดับสองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในส่วนของนโยบายหาเสียง CLSA ระบุว่า พรรคการเมืองมีแนวโน้มเน้นนโยบายกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศควบคู่กับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งถือเป็นประเด็นหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่กลยุทธ์การลงทุนของนักลงทุนควรมุ่งเน้นไปที่บริษัทที่มีผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 2568 แข็งแกร่ง และมีโอกาสได้รับประโยชน์โดยตรงจากช่วงเลือกตั้ง

หุ้นเด่นที่ CLSA แนะนำ ได้แก่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN โดยมีปัจจัยเด่นทั้งด้านมูลค่าและพื้นฐานที่แข็งแรง อีกทั้งยังได้อานิสงส์จากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในช่วงหาเสียง นอกจากนี้ CLSA ยังชื่นชอบหุ้นบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP และ บริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO จากอัตราการจ่ายเงินปันผลที่น่าสนใจ ขณะเดียวกัน บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME, บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPCO และ บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากความต้องการซ่อมแซมบ้านที่เพิ่มขึ้นหลังเหตุอุทกภัยในไตรมาส 1 ปี 2569

สำหรับทิศทางทางการเมือง พรรคประชาชนยังคงชูแนวทางการปฏิรูปประชาธิปไตยและต่อต้านระบอบอำนาจนิยม ซึ่งคาดว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง แต่แนวคิดดังกล่าวอาจเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมในบริบททางการเมืองที่ซับซ้อน ด้านพรรคภูมิใจไทยยังคงยึดกลยุทธ์ดั้งเดิม อาศัยฐานเสียงท้องถิ่นและเครือข่ายนักการเมืองในพื้นที่

ทั้งนี้ พรรคประชาชนยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากคดีที่อาจทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 25 รายต้องพ้นตำแหน่ง จากกรณีการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งคดีอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หากมีมติชี้มูลความผิด คดีจะถูกส่งต่อไปยังศาลฎีกา โดยคาดว่าผลการพิจารณาจะเปิดเผยภายในเดือนธันวาคมนี้

CLSA ประเมินว่า โอกาสที่พรรคภูมิใจไทยจะเข้าร่วมเป็นแกนนำหรือเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลผสมมีสูง ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในระยะสั้น ขณะที่พรรคประชาชนจำเป็นต้องชนะการเลือกตั้งมากกว่า 250 ที่นั่งจึงจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งเป็นความท้าทายอย่างยิ่งตามมุมมองของฝ่ายวิเคราะห์

ด้านข้อมูลเชิงสถิติ CLSA ระบุว่า ในช่วงสามเดือนก่อนการเลือกตั้งปี 2550, 2554 และ 2562 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 2.2-3.5% โดยกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มสื่อสารเป็นผู้นำการฟื้นตัวของตลาด อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งปี 2566 ดัชนีกลับปรับตัวลดลง 6.2% โดยกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มเดียวที่โดดเด่นสวนตลาด

Back to top button