
UAC กางแผนปี 69 ลุยธุรกิจเทรดดิ้ง–โซลาร์ชุมชน ตั้งเป้ารายได้โต 15% แตะ 2 พันล้านบาท
UAC เปิดทิศทางธุรกิจปี 2569 เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมภายในองค์กรควบคู่การขับเคลื่อนธุรกิจเดิม ทั้งเทรดดิ้ง พลังงาน และปิโตรเลียม พร้อมขยายโอกาสใหม่ผ่านการประมูลโครงการ “โซลาร์ชุมชน” คาดได้ราว 10 MW ตั้งเป้ารายได้โต 15% แตะ 2,000 ล้านบาท ขณะไตรมาส 4 คาดฟื้นตัวจากกำลังผลิตปิโตรเลียมที่กลับมาเดินเครื่องอีกครั้ง
นางสาวอลิสา ชีวะเกตุ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจในปี 2569 ว่า บริษัทเตรียมให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมภายในองค์กรมากขึ้น เพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังผ่านช่วงความผันผวน ขณะเดียวกันธุรกิจเดิมต่างยังคงดำเนินไปตามแผน ทั้งกลุ่มเทรดดิ้ง พลังงาน ปิโตรเลียม เคมี และปิโตเลียม
สำหรับโครงสร้างรายได้ในปัจจุบัน กลุ่มเทรดดิ้งยังเป็นสัดส่วนหลักราว 70–80% ของรายได้รวม ส่วนธุรกิจพลังงานมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น โดยปีนี้คาดสัดส่วนแตะประมาณ 15% และมีโครงการผลิตไฟฟ้ารวมราว 10 เมกะวัตต์ ทั้งจากโซลาร์รูฟท็อปและโครงการในจังหวัดต่าง ๆ ด้านปิโตรเลียมจะเริ่มมีบทบาทมากขึ้นจากแผน workover และโอกาสการสำรวจหลุมใหม่ในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยและต่างประเทศ รวมถึงการแข่งขันจากสินค้าจีน ทำให้ลูกค้าบางกลุ่มเลื่อนการสั่งซื้อสินค้าออกไป แม้ไม่ได้ยกเลิกคำสั่งซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มเคมีและปิโตรเคมีที่ได้รับผลกระทบจากซัพพลายส่วนเกินในภูมิภาค แต่บริษัทเตรียมหาแหล่งซัพพลายเพิ่มเติมภายใต้ระบบตรวจสอบคุณภาพที่เข้มงวดเพื่อรักษาคุณภาพสินค้า
ด้านธุรกิจปิโตรเลียม การหยุดผลิตเพื่อซ่อมบำรุงในไตรมาส 3 ส่งผลให้รายได้ลดลงชั่วคราว แต่คาดว่ากำลังผลิตเฉลี่ยราว 300–350 บาร์เรลต่อวันจะกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 4 โดยราคาน้ำมันที่บริษัทขายเฉลี่ยอยู่ราว 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และมีคุณภาพสูงกว่ามาตรฐาน ส่งผลให้ขายได้ในระดับราคาที่มีพรีเมียมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ส่วนของโครงการโซลาร์ชุมชน บริษัทอยู่ระหว่างติดตามความชัดเจนด้านนโยบายภาครัฐ ทั้งจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานและการกำกับดูแลในพื้นที่ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงต้นปี 2569 และมีความพร้อมในการยื่นประมูล เบื้องต้นตั้งเป้าว่าจะได้มาราว 10 เมกะวัตต์
ด้านกลยุทธ์การเติบโต บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2569 เติบโต 15% แตะระดับ 2,000 ล้านบาท และตั้งเป้าอัตรา EBITDA เติบโต 20% จากปีนี้ที่คาดอยู่ราว 18% ในขณะที่สถานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง แม้เพิ่งชำระหนี้เงินกู้ 500 ล้านบาท โดยยังมีเงินสดคงเหลือมากกว่า 300 ล้านบาท และยังไม่มีแผนก่อหนี้ใหม่จนกว่าจะมีความชัดเจนด้านการลงทุนเพิ่มเติม
ในส่วนของนโยบายปันผล บริษัทจะยังคงจ่ายปันผลตามความสามารถทางการเงิน แม้อาจไม่สูงเท่าปีก่อนซึ่งได้รับรายได้พิเศษจากการขายเงินลงทุนใน BBGI แต่ยังคงยึดมั่นในการตอบแทนผู้ถือหุ้นอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในไตรมาส 4 ผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นจากการฟื้นตัวของกำลังผลิตปิโตรเลียม และมีความเชื่อมั่นว่าผลประกอบการตลอดทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
