
วัดใจผู้ถือหุ้น TOP วันนี้! ไฟเขียวดีล Asset Monetization มูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท
ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น TOP วันนี้ ลุ้นไฟเขียวดีล Asset Monetization มูลค่ามหาศาล หลังบอร์ดอนุมัติเดินหน้าแผนดึงเงินสดเข้าบริษัทกว่า 1.82 หมื่นล้านบาท เสริมสภาพคล่อง-ลดหนี้ “กูรู” หลายสำนักเทเชียร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 ธ.ค.) เวลา 14.00 น.จับตาการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2568 บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เป็นการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-EGM) โดยจะมีการพิจารณาเรื่องสำคัญคือ การอนุมัติกลยุทธ์การสร้างรายได้จากสินทรัพย์ (Asset Monetization) โดยบริษัทต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทด้วยคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่า 3 ใน 4
ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมบอร์ดวันที่ 25 ก.ย. 2568 มีมติอนุมัติให้ดำเนินการระดมทุนผ่านโครงการ Asset Monetization ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กร ภายหลังจากการเข้าทำธุรกรรมในครั้งนี้ ไทยออยล์จะได้รับกระแสเงินสดสุทธิประมาณ 18,230.30 ล้านบาท
สำหรับโครงการ Asset Monetization ดังกล่าว คือ การให้ PTT Tank เข้าถือหุ้น 49% ในบริษัท ท็อป อินฟรา ของ TOP ที่จะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าระยะยาว 21 ปี ในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐาน ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ได้แก่ ถังเก็บน้ำมันดิบ ทุ่นผูกเรือกลางทะเล (SBM) สถานีจ่ายน้ำมันทางรถและที่ดินบางส่วน โดย TOP จะเช่าทรัพย์สินกลับ เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันอย่างต่อเนื่อง การทำธุรกรรมครั้งนี้จะทำให้ไทยออยล์ได้รับเงินสดมาเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน และปรับโครงสร้างเงินทุนและอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้อยู่ในระดับที่เข้มแข็งขึ้น
ด้านบริษัท แคปปิตอล แอ๊ดแวนเทจ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ หรือ CapAd ได้ออกความเห็นสนับสนุน บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ (TOP) ในการทำ “โครงการบริหารจัดการสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Asset Monetization) โดยระบุว่า มูลค่ายุติธรรมของสิทธิการเช่า 21 ปี อยู่ที่ 37,040.90 ล้านบาท ขณะที่บริษัทจะได้รับค่าตอบแทน 37,402 ล้านบาท ซึ่ง สูงกว่ามูลค่ายุติธรรมประมาณ 361.10 ล้านบาท หรือราว 0.97% จึงเห็นว่า ค่าตอบแทนที่บริษัทได้รับอยู่ในระดับเหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อบริษัทในภาพรวม
ทั้งนี้ การบริหารจัดการสินทรัพย์ฯ ของ TOP ประกอบด้วย 2 ธุรกรรม ได้แก่ ธุรกรรมที่ 1: ธุรกรรมการให้เช่าระยะยาว (Lease) ไทยออยล์จะดำเนินการให้เช่าทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานบางส่วนของบริษัท ดังนี้ 1) ถังเก็บน้ำมันดิบ (Crude Tank) จำนวน 7 ถัง พร้อมทั้งโครงสร้างและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ, 2) ทุ่นผูกเรือกลางทะเล (SBM) เครื่องมือและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ระบบผูกเรือ (Moorings) และอุปกรณ์ชิ้นส่วน ระบบทุ่นผูกเรือกลางทะเล หมายเลข 1 (SBM-1) และทุ่นผูกเรือกลางทะเล หมายเลข 2 (SBM-2) (ไม่รวมถึงท่อใต้ทะเล), 3) สถานีจ่ายน้ำมันทางรถ (Lorry Loading Station) รวมสถานีจ่ายน้ำมัน 18 สถานี และถังเก็บผลิตภัณฑ์ จำนวน 21 ถัง และ 4) ที่ดิน จำนวน 31 แปลง เนื้อที่รวม 145 ไร่ 3 งาน 51.9 ตารางวา ตั้งอยู่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ให้แก่บริษัท ท็อป อินฟรา โดยการเข้าทำสัญญาเช่าระยะยาวเป็นระยะเวลา 21 ปี และไทยออยล์จะได้รับค่าตอบแทนสิทธิการเช่า เป็นจำนวน 37,402 ล้านบาท โดยท็อป อินฟรา จะชำระค่าตอบแทนสำหรับการเช่าตลอดระยะเวลาเช่าทั้งหมดเป็นงวดเดียว
ขณะที่ธุรกรรมที่ 2 ธุรกรรมการเช่าช่วงทรัพย์สินที่ให้เช่า (Leaseback) ไทยออยล์ จะดำเนินการเช่าช่วงทรัพย์สินให้เช่ากลับจากท็อป อินฟรา เพื่อใช้ในการประกอบกิจการโรงกลั่นน้ำมัน และธุรกิจที่เกี่ยวข้องของไทยออยล์ โดยการเข้าทำสัญญาเช่าช่วงระยะสั้น เป็นระยะเวลา 3 ปี กับท็อป อินฟรา พร้อมให้คำมั่นกับไทยออยล์ว่าจะให้เช่าช่วงทรัพย์สินที่ให้เช่าแก่ไทยออยล์ หากไทยออยล์มีความประสงค์ที่จะเช่าช่วงทรัพย์สินให้เช่าต่อไป โดยค่าเช่าช่วงตามสัญญาเช่าช่วงระยะสั้น 3 ปีแรก รวมทั้งสิ้น 9,772 ล้านบาท
:กูรูมองบวกแผน TOP
นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายวิจัยสถาบัน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด มองเชิงบวกกับแผนบริหารสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หรือ Asset Monetization ของกลุ่ม ปตท. ขณะที่ไทยออยล์ก็ดำเนินการให้เช่าระยะยาวและเช่าช่วงทรัพย์สินกลับ เพื่อใช้ในการดำเนินงาน (Lease and Leaseback) ซึ่งเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานบางส่วนของไทยออยล์ ได้แก่ ถังเก็บน้ำมันดิบ ทุ่นผูกเรือกลางทะเล สถานีจ่ายน้ำมันทางรถ และที่ดิน ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
ธุรกรรมดังกล่าวจะทำให้ไทยออยล์ได้รับเงินสดก้อนใหญ่ เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้แข็งแกร่ง รวมถึงใช้สำหรับก่อสร้างโครงการ CFP ให้เสร็จตามแผนภายในไตรมาส 3/2571 อย่างไรก็ตาม แม้ในระยะสั้นจะได้เงินสดเข้ามาจำนวนมาก แต่ในระยะยาวอาจมีความเสี่ยง เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายด้านค่าเช่า จากเดิมที่ไม่ต้องเสียค่าเช่าเพราะเป็นทรัพย์สินของไทยออยล์ทั้งหมด
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มองบวกต่อการทำ Asset Monetization ของ TOP โดยบริษัทสามารถนำเงินสดราว 1.8 หมื่นล้านบาท ที่ได้รับมาไปใช้ชำระคืนหนี้ ซึ่งแม้ต้นทุนทางการเงินบางส่วนจะปรับเพิ่มขึ้นราว 3.5% แต่ยังถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการเผชิญความเสี่ยงด้านลบหากถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของทั้งบริษัทเพิ่มขึ้นในระดับที่สูงกว่า
ทั้งนี้ คงคำแนะนำ Neutral ต่อ TOP ด้วยราคาเป้าหมาย 32.0 บาท/หุ้น (ราคาเป้าหมายปี 2569 ที่ 37.25 บาท/หุ้น) โดยมองว่าสามารถถือรอต่อเพื่อจับตาอัพไซด์จากต้นทุนส่วนเพิ่มของโครงการ CFP ที่อาจต่ำกว่าคาด รวมถึงแรงหนุนจากการฟื้นตัวของกำไรช่วงครึ่งหลังปี 2568-2569
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด มองว่าเป็นธุรกรรมที่สมเหตุสมผลต่อ TOP ระยะยาวที่ต้องการรักษา credit rating ด้วยการ Asset Monetization Lease & Leaseback เพื่อให้เงินสดนำไปลดหนี้ และการทำ Lease & Leaseback ไม่สร้างภาระให้แก่ฐานะทางการเงินของบริษัท ซึ่งถ้าบริษัทยังสามารถรักษา credit rating ในระดับ Investment Grade ไว้ได้ จะสร้างความยืดหยุ่นใน การใช้เครื่องมือทางการเงินในอนาคตต่อไปได้ เช่น การออก Perpetual Bond เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ผลกระทบต่อผลกำไรขาดทุนนั้น คาดว่าจะส่งผลทำให้กำไรสุทธิของบริษัทปรับลดลงปีละ 600 ล้านบาท หรือประมาณ 4-5% จากประมาณการในปี 2569 คงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 32.00 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุธุรกรรมน่าจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ TOP จะจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 ธ.ค. นี้ ซึ่งบริษัทต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทด้วยคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่า 3 ใน 4 และถ้าบริษัททำตามเงื่อนไขได้ครบถ้วนธุรกรรม Asset Monetization น่าจะเสร็จสิ้นได้ภา

