SELIC พร้อมลงสนามลุ้นแตะ 6 บ. ฉลุยชูพื้นฐานแน่นปึ้ก สมชื่อผู้นำกาวอุตฯ

SELIC พร้อมลงสนามลุ้นแตะ 6 บ.ฉลุย จากราคา IPO หุ้นละ 2.90 บาท มองพื้นฐานมั่นคง-นวัตกรรมโดดเด่น สมตำแหน่งผู้นำกาวอุตสาหกรรมในปท.


SELIC ลุยสนามวันแรก ลุ้นทะลุ 6 บาท จากราคา IPO หุ้นละ 2.90 บาท มองพื้นฐานมั่นคง-นวัตกรรมโดดเด่น สมตำแหน่งผู้นำกาวอุตสาหกรรมในปท.

นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าจะรักษาความเป็นผู้นำด้านกาวอุตสาหกรรมในประเทศไทยและสามารถขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยใช้ความเชี่ยวชาญของบริษัทในด้านการวิจัยและพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม SELIC ถือว่าเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่นำการวิจัยเข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิตในการใช้งานกาวในแต่ละประเภทอุตสาหกรรม

“บริษัทมีกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย พร้อมด้วยศูนย์วิจัยที่ประกอบไปด้วยบุคลากรทีมวิจัยและพัฒนาที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ ยังจัดให้มีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตและพัฒนาความรู้ของทีมวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องต่อความต้องการที่เปลี่ยนไปของตลาด ประกอบกับนโยบายการให้คำปรึกษา และคำแนะนำแก่ลูกค้า เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะสามารถตอบสนองต่อกระบวนการผลิตสินค้าของลูกค้าได้เป็นอย่างดี และยังสามารถช่วยลดต้นทุนในการผลิตให้แก่ลูกค้าได้อีกด้วย” นายเอก กล่าว

สำหรับภาวะอุตสาหกรรมตลาดกาวแนวโน้มอนาคตคาดว่ามูลค่าตลาดกาวโลกจะเติบโตลี่ยปีละ 4.72 % โดยมีปัจจัยจากการติดค้นและประยุกต์กาวให้สามารถให้ในอุตสาหกรรมต่างๆมากขึ้น และตลาดที่เกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชีย แอฟริกาและอเมริกา ที่มีการใช้ผลิตภัณฑ์กาวมากขึ้น ทำให้บริษัทมั่นใจว่าการเติบโตยังสามารถเติบยังสามารถเติบโตได้อีกมาก สอดคล้องกับการขยายตัวของตลาดกาวโลก

 

ด้าน นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ SELIC เปิดเผยว่า บริษัทยืนยันการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 18 ต.ค.โดยมั่นใจบริษัทจะได้รับการตอบรับที่ดี

“แม้ว่าในช่วงนี้ภาพรวมของตลาดจะได้ผลกระทบจากปัจจัยรอบด้าน แต่เชื่อว่านักลงทุนมีความเข้าใจและเชื่อมั่นในพื้นฐานบริษัท ซึ่งจะทำให้การเข้าซื้อขายในวันแรก ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุน” นายสมภพ กล่าว

โดยภายหลังการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนใน mai แล้ว SELIC จะมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ด้วยพื้นฐานธุรกิจที่มั่นคง ด้วยนวัตกรรมที่โดดเด่นด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ผลิตภัณฑ์เหมาะสมกับความต้องการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม อีกทั้งความสามารถของบุคลากรในบริษัทที่ช่วยให้คำแนะนำและบริการกับลูกค้าจนทำให้บริษัทได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศมาโดยตลอด ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนและทุนที่ออกและชำระแล้ว 140 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญ 280 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท

สำหรับผลการดำเนินงานมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 58 บริษัทมีรายได้รวม 593.28 ล้านบาท กำไรสุทธิ 39.40 ล้านบาทแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ในประเทศ 80% และต่างประเทศ 20% และมีแผนจะขยายสัดส่วนต่างประเทศมากขึ้นในอนาคต รวมถึงการพัฒนาการให้บริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด

ทั้งนี้ SELIC มีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน ไปเพื่อพัฒนางานวิจัยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะนำไปซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ในการวิจัย พัฒนา และปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ของ SELIC มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยที่ผ่านมามีความโดดเด่นทางด้านนวัตกรรมการวิจัย และพัฒนาอย่างชัดเจน

 

ส่วน นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน หรือ บล.โนมูระ พัฒนสิน ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SELIC เปิดเผยว่า จากการเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ของบริษัทจำนวน 80 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 2.90 บาท เมื่อวันที่ 10-12 ตุลาคม 2559 นั้น นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้น SELIC เป็นจำนวนมาก โดยมีนักลงทุนที่จองซื้อรวมทั้งสิ้น 4,362 ราย

ทั้งนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทด้วยปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงโอกาสในการเติบโตจากนวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่งและเมื่อบริษัทนำเงินที่ได้จากการระดมทุนใช้รองรับการขยายตัวของบริษัทให้เติบโตในระยะยาวทั้งนี้บริษัทจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 18 ตุลาคม 2559 ซึ่งเชื่อว่า จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี

 

ด้านผลประกอบการเฉพาะกิจการของบริษัทปี 58 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 39.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 207% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12.75 ล้านบาท ขณะที่ ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/59 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.17 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรอยู่ที่ 8.66 ล้านบาท ด้าน 6 เดือนแรกของปี 59 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 21.85 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรอยู่ที่ 18.95 ล้านบาท

อนึ่ง SELIC จะทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 18 ต.ค.59 ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม มีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และจำนวนหุ้นชำระแล้ว 280,000,000 หุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 0.50 บาท มีทุนชำระแล้ว 140,000,000 บาท จำนวนหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 80,000,000 หุ้น ราคา IPO หุ้นละ 2.90 บาท

 

อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่า SELIC จะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ mai วันนี้เป็นวันแรก โดยมีการคาดการณ์กันว่าราคาหุ้น SELIC มีโอกาสปรับขึ้นถึง 6 บาท โดยคำนวณจากค่า P/E ที่ระดับ 40 เท่า และกำไรต่อหุ้นที่ 0.15 บาท ทั้งนี้ถึงแม้ว่าในขณะนี้ภาพรวมของตลาดจะยังอยู่ในสภาวะกดดันและมีความความผันผวน แต่เนื่องด้วยบริษัทมีพื้นฐานธุรกิจที่มั่นคงและมีนวัตกรรมที่โดดเด่น จึงคาดว่าน่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน

X
Back to top button