เปิด 7 หุ้น mai ดาวรุ่งพุ่งแรง ปี 59KOOL นำทีมวิ่งรับรีเทิร์นเกิน 300%

เปิด 7 หุ้น mai ดาวรุ่งพุ่งแรง ปี 59 KOOL นำทีมวิ่งรับรีเทิร์นเกิน 300%


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ mai ปี 2559 โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.58-30 ธ.ค.59 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเกิน 100% เท่านั้น เนื่องจากเห็นว่าหุ้นเหล่านี้มีผลตอบแทนโดดเด่นและน่าสนใจ โดยครั้งนี้มีหุ้นเข้าเกณฑ์ดังกล่าว 7 ตัว ประกอบด้วย KOOL, YUASA, QTC, 2S, TNP, SALEE และ HTEC

หลักทรัพย์  30-ธ.ค.-58 30-ธ.ค.-59  เปลี่ยนแปลง 
 บาท   % 
KOOL 1.25 5.50 4.25 340.00
YUASA 6.55 28.25 21.70 331.30
QTC 5.10 18.50 13.40 262.75
2S 2.58 6.85 4.27 165.50
TNP 1.33 3.36 2.03 152.63
SALEE 0.91 2.16 1.25 137.36
HTECH 2.40 5.50 3.10 129.17

 

อันดับ 1 บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL ราคาหุ้นปี 2559 มาอยู่ที่ระดับ 5.50 บาท (30 ธ.ค.59) บวก 4.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 340% จากระดับ 1.25 บาท (30 ธ.ค. 58) ราคาหุ้นที่ปรับตัวแรงมีปัจจัยบวกหลายด้านอาทิ แผนงานธุรกิจที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มผลการดำเนินงานที่สดใส  โดยผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนปี 59 มีกำไรสุทธิ 97.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 878.88%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 9.99 ล้านบาท ประกอบกับเทคนิคราคาหุ้นเป็นขาขึ้นรวมทั้งนักวิเคราะห์แนะนำเข้าซื้อพร้อมปรับราคาเป้าหมายตรงนี้ยิ่งเป็นแรงหนุนให้หุ้นขึ้นแรงต่อเนื่อง

ส่วนปีนี้บริษัทคาดรายได้จะเติบโตได้ 42% จากปีนี้ที่น่าจะทำรายได้ราว 900 ล้านบาท หลังจาก 9 เดือนแรกทำได้แล้ว 771.45 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 640.78 ล้านบาท โดยในปีนี้จะมีการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศตามความต้องการใช้สินค้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเตรียมออกสินค้าใหม่นอกเหนือจากกลุ่มพัดลมไอเย็น

 

อันดับ 2บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ YUASA ราคาหุ้นปี 2559 มาอยู่ที่ระดับ 28.25 บาท (30 ธ.ค.59) บวก 21.70 บาท หรือเพิ่มขึ้น 331.30% จากระดับ 6.55 บาท (30 ธ.ค. 58)  ราคาหุ้นที่ปรับตัวแรงเนื่องจากมีประเด็นโครงการรถคันแรก โดยเฉพาะกลุ่มอีโคคาร์ ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่แล้ว เพราะแบตเตอรี่มีอายุแค่ 18-24 เดือน โดยคาดว่ารถยนต์จากโครงการรถคันแรกเหล่านี้จะมาทยอยเปลี่ยนแบตเตอรี่กันในปี 59 มาจนถึงปีนี้ ทำให้เป็นปัจจัยหนุนยอดขายแบตเตอรี่

อีกทั้งช่วงที่ผ่านสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเห็นชอบส่งเสริมการลงทุน รถยนต์ไฟฟ้า และ ไฮบริด โดยให้ยกเว้นภาษีสูงสุดไม่เกิน 8 ปี และครอบคลุมถึงชิ้นส่วนสำคัญ เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์ แอร์ ฯลฯ ให้งดภาษีรายการละ 1 ปี สูงสุดไม่เกิน 5 ปี ยิ่งเป็นแรงหนุนให้นักลงทุนข้ามาเก็งกำไรตลอดช่วงปี 59

ขณะเดียวกันผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 91.03 ล้านบาท หรือ 0.85 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 105% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 44.39 พันล้านบาท หรือ 0.41บาทต่อหุ้น เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าในตลาดส่งออกและตลาดทดแทนภายในประเทศเพิ่มขึ้น และมีต้นทุนการขายลดลง ยิ่งเป็นแรงหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวแรง

 

อันดับ 3 บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC ราคาหุ้นปี 2559 มาอยู่ที่ระดับ 18.50 บาท (30 ธ.ค.59) บวก 13.40 บาท หรือเพิ่มขึ้น 262.75% จากระดับ 5.10 บาท (30 ธ.ค. 58) ราคาหุ้นที่ปรับตัวแรงมีปัจจัยหลายด้าน โดยในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรประเด็นประกาศเพิ่มทุนจาก 200 ล้านบาท เป็น 270 ล้านบาท โดยเป็นการเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัด ในราคาหุ้นละ 4.70 บ. ทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ราคา อีกทั้งภายหลังประกาศเพิ่มทุนดังกล่าวส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนใหม่เข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 25.93% จึงมีหน้าที่ต้องทำเทนเดอร์ฯหุ้นที่ราคา 7.75 บ.

อีกทั้งแผนธุรกิจที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ QTC ลงนาม MOU รัฐวิสาหกิจลาว หวังคว้ายอดสั่งซื้อหม้อแปลงไฟฟ้า 10 ล้านเหรียญฯ  อีกทั้งประกาศแผนธุรกิจ โดยจะมุ่งหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงาน ตั้งเป้าหมายมีกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนไม่ต่ำกว่า 150 เมกะวัตต์ภายในปี 63 ซึ่งจะมีการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เหล่านี้จึงเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นแรงในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา

 

อันดับ 4บริษัท 2 เอส เมทัล จำกัด (มหาชน) หรือ 2S ราคาหุ้นปี 2559 มาอยู่ที่ระดับ 6.85 บาท (30 ธ.ค.59) บวก 4.27 บาท หรือเพิ่มขึ้น 165.50% จากระดับ 2.58 บาท (30 ธ.ค. 58) ราคาหุ้นปรับตัวแรงเนื่องจากเป็นหุ้นขนาดเล็ก และง่ายต่อการดันราคาหุ้น อีกทั้งช่วงที่ผ่านมาหุ้นเป็นขาลงมานานทำให้นักลงทุนแห่เข้ามาเก็งกำไร

ขณะเดียวกันปีที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการอนุมัติโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 8.96 แสนล้านบาท โดยโครงการจะพร้อมสำหรับการลงทุนในปี 2560 รวมถึงสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (บางแค-พุทธมณฑลสาย 4) สายสีเขียวช่วง สมุทรปราการ-บางปู และคูคต-ลำลูกกา สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-ตลิ่งชัน)  ซึ่งส่งผลบวกต่อกลุ่มวัสดุก่อสร้างในส่วน ซีเมนต์ เหล็ก ยางมะตอย ท่อประปาท่อน้ำเสีย รวมถึงผู้รับเหมารายใหญ่จะได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม 2S ซึ่งทำธุรกิจแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กรูปพรรณประเภทเหล็กตัวซี ท่อเหล็ก เหล็กแผ่น และลวดตะแกรงเหล็ก และธุรกิจจัดหาผลิตภัณฑ์เหล็กเพื่อจำหน่ายตรงนี้ทำให้นักลงทุนมั่นใจต่อธุรกิจบริษัทและทำให้การเข้ามาไล่ราคาคึกคักอย่างมากในปีที่ผ่านมา

อันดับ 5 บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP  ราคาหุ้นปี 2559 มาอยู่ที่ระดับ 3.36 บาท (30 ธ.ค.59) บวก 2.03 บาท หรือเพิ่มขึ้น 152.63% จากระดับ 1.33 บาท (30 ธ.ค. 58) ราคาหุ้นที่ปรับตัวแรงมีปัจจัยหลายด้านทั้งแผนการดำเนินงานที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมั่นใจเป้าหมายรายได้จากการขายและให้บริการในปี 59 ให้เติบโตร้อยละ 10-15 จากปี 58 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1,316.20 ล้านบาท นอกจากนี้ในไตรมาส 4/59 ศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ของบริษัทฯ คาดจะแล้วเสร็จตามแผนงานที่วางไว้ และมั่นใจจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเติบโตของธนพิริยะให้โดดเด่นยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนปี 59 มีกำไรสุทธิ 38.87 ล้านบาท หรือ 0.05 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 73% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 22.44 ล้านบาท หรือ 0.04 บาทต่อหุ้น เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้นจากการเปิดสาขาอย่างต่อเนื่องตามแผนที่บริษัทได้วางไว้ และการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม ส่งผลให้ปัจจัยดังกล่าวเป็นแรงหนุนให้นักลงทุนมั่นใจต่อธุรกิจและเข้ามาเก็งกำไรหุ้นตลอด 1 ปีที่ผ่านมา

 

ส่วนอันดับ 6-7 คือ บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ SALEE และ บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงระดับ 100% ส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนเรื่องผลประกอบการที่ออกมาสดใส ประกอบกับแผนธุรกิจที่น่าสนใจทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรหุ้นดังกล่าวเช่นกัน

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button