หมดแรง! 27 หุ้น SET-mai กำไรลดเกิน 50%

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจ บจ. ซึ่งประกาศผลประกอบการงวดประจำปี 59 โดยจะนำเสนอบริษัทที่มีผลการดำเนินงานลดลงเกิน 50% ซึ่งมีหุ้นที่เข้ามาติดในเกณฑ์ 27 ตัว


หมดแรง! 27 หุ้น SET-mai กำไรลดเกิน 50% นำโดย BJCHI, J, CKP, BTW, NCH, SE-ED, JSP, JAS, CCP, RICHY, TAKUNI, MODERN, SRICHA, MDX, UAC, DTAC, TICON, BR, BEC, AMATAV, BRR, ICHI, SAMTEL, ROCK, EPCO, UEC และ ETE

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย SET และ mai ซึ่งประกาศผลประกอบการงวดประจำปี 2559 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.59 โดยครั้งนี้จะนำเสนอบริษัทที่มีผลการดำเนินงานลดลงเกิน 50% ซึ่งครั้งนี้มีหุ้นที่เข้ามาติดในเกณฑ์ 27 ตัว ดังตารางประกอบ และการนำเสนอข้อมูลครั้งนี้ไม่สามารถนำเสนอข้อมูลได้ครบทุกตัวดังนั้นจะขอนำเสนอข้อมูลเพียง 5 อันดับแรกเท่านั้น

 

อันดับ 1 บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ BJCHI รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 59 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 112.41 ล้านบาท ลดลง 91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร1,320.18 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานในช่วงดังกล่าวปรับตัวลงเนื่องจาก บริษัทมีต้นทุนตามสัญญาเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2559 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2559 และกำไรสะสม เป็นเงินสด 0.125 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ไม่ได้รับสิทธิปันผลในวันที่ 13 มี.ค. 2560 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 11 พ.ค. 2560

บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วัว่า บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ BJCHI  ไตรมาส 4/59 เป็นขาดทุน 222 ล้านบาท หลังจากไตรมาส 3/59 เป็นขาดทุน 198 ล้านบาท

แนวโน้มยังอ่อน เพราะต้นทุนสูงขึ้น จากโครงการ TUPI B.V. ที่ล่าช้า เช่นเดียวกับโครงการ QGI ที่ช้าออกไป รวมทั้งงานในมือ (order backlog) ก็อยู่ในระดับที่ต่ำ คงคำแนะนำขาย และคงราคาพื้นฐานไว้ที่ 3.60 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 60 ที่ 9.4 เท่า ราคาปิดมีส่วนลด (downside) ได้อีก 28%

 

อันดับ 2 บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 59 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 5.65 ล้านบาท ลดลง 90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 58.15 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนค่าเช่าและบริการที่สูงขึ้น อีกทั้งการขาดทุนจากการปรับมูลค่ำยุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ค่าใช้จ่ายในการบริการและบริหาร และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น

 

อันดับ 3 บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP รายงานผลการดำเนินงานปี 59 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 55.06 ล้านบาท ลดลง 87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 411.88 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายไฟฟ้าและไอน้ำลดลง

อย่างไรก็ตามบริษัทประกาศจ่ายปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2559 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2559 เป็นเงินสดจำนวน 0.06 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ไม่ได้รับสิทธิปันผลในวันที่ 20 มี.ค. 2560 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 พ.ค. 2560

 

อันดับ 4 บริษัท บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTW รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 59 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 106.87 ล้านบาท ลดลง 84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 671.52 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานพุ่ง

พร้อมกันนี้บริษัทประกาศจ่ายปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค.2559 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2559 เป็นเงินสดในอัตราการ 0.07บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ไม่ได้รับสิทธิปันผลในวันที่ 8 มี.ค.60 กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 พ.ค.60

นายโชติก รัศมีทินกรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้โตอีกอย่างน้อย 10% และคาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องตามสภาวะสินค้าโภคภัณฑ์รวมไปถึงการเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจ โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะมาจากงานในมือ (backlog) ของบริษัทที่มีมูลค่า 945 ล้านบาท ณ สิ้นปี 59 ซึ่งโตขึ้นกว่า 24% จากสิ้นปี 58

บริษัทยังอยู่ระหว่างการเตรียมประมูลงานหลายโครงการ มูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย 1. งานผลิตโครงสร้างเหล็ก ( Part Fabrication) ให้กับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่หลายโครงการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 2.งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก ประกอบไปด้วย พลังงานชีวมวล พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงาน BIOGAS  3. งานโมดูล ( Module ) ทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเห็นแนวโน้มที่ชัดเจนในช่วงครึ่งหลังปีนี้ หลังจากราคาสินแร่ต่างๆ และราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว

 

อันดับ 5 บริษัท เอ็น. ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 59สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.59 (รวมบริษัทย่อย)มีกำไรสุทธิ 20.73 ล้านบาท ลดลง 83%  เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 124.93 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทมียอดขายที่ลดลง

นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม ประธานกรรมการบริหาร NCH เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 60 จะยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 60 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 59 ที่มีรายได้ 1.43 พันล้านบาท

ขณะเดียวกันบริษัทยังตั้งเป้าหมายยอดขาย (Presale) ปี 60 อยู่ที่ 2.75 พันล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 3.7 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด ซึ่งโมเดลสินค้าในปี 60 บริษัทจะชูนวัตกรรม NCXT (NC Cross Innovation & Home Technology)

นอกจากนี้ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างขายในมือประมาณ 53 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท โดยมีการเติบโตทั้งแนวราบและแนวสูง พร้อมกับเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างครอบคลุมทุก Segment ด้วยสโลแกน HomeExpert Living Care

อย่างไรก็ตามแม้บริษัทดังกล่าวจะทำผลงานในปี 59 ไม่สดใสแต่ หากดูแผนงานที่ออกมาในปีนี้บวกกับการจ่ายปันผลที่ยังน่าสนใจก็เชื่อว่าหุ้นกลุ่มนี้จะกลับมาทำผลงานได้โดดเด่นอีกครั้ง ที่สำคัญอย่าลืมว่าหุ้นทั้ง 27 ตัว ยังทำกำไรได้และเป็นหุ้นมีสภาพคล่องเป็นหลัก ช่วงนี้น่าจะเป็นโอกาสสะสมหุ้นที่ราคาอ่อนตัวตอบรับผลงานไม่สดใสอีกครั้ง

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button