SELIC โกยกำไรปี 63 กว่า 89 ลบ. ทำ”ออลไทม์ไฮ” ปักธงรายได้ปีนี้โต 15% รับแผนขยายลงทุนตปท.

SELIC โกยกำไรปี 63 กว่า 89 ลบ. ทำ"ออลไทม์ไฮ" ปักธงรายได้ปีนี้โต 15% รับแผนขยายลงทุนตปท.


นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC นำเสนอข้อมูลผลประกอบการงวดปี 2563 ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผ่านช่องทางออนไลน์ว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 22.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้อยู่ที่ 322.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยมี EBITDA เท่ากับ 48.43 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อน โดยผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2563 เติบโตเมื่อเทียบปีก่อนไม่ว่าจะเป็นรายได้และความสามารถในการทำกำไร สะท้อนความมุ่งมั่นในการจัดการให้เกิดการเติบโตท่ามกลางความท้าทายต่างๆ

สำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 89.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 85.81 ล้านบาท สร้างสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,260.33 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานมาจากทั้งสองธุรกิจ คือ รายได้จากธุรกิจกาวอุตสาหกรรมมีสัดส่วน 43% และรายได้จากธุรกิจสติ๊กเกอร์ 57%

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี 2563 โดยจ่ายปันผลเป็นหุ้น ในอัตรา 3.299987 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ  0.0454547200 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 29 เม.ย. 2564 กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 30 เม.ย. 2564 ซึ่งจะมีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 เม.ย. 2564 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 7 โรงแรมทองธารา ริเวอร์วิว

“ผลการดำเนินงานในปี 2563 สะท้อนความมุ่งมั่นในการจัดการ คาดภาพรวมในปี 2564 น่าจะมีแนวโน้มที่ดีกว่าปีก่อน เนื่องจากสัญญาณบ่งชี้ต่าง ๆ เช่น การเริ่มมีการฉีดวัคซีนในบางประเทศการปรับตัวของประชาชนในวิถีชีวิตและการป้องกันตนจากการติดเชื้อที่ดีขึ้นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวด้านกลยุทธ์ เพื่อดำเนินธุรกิจให้ต่อเนื่องรวมทั้งการด้านดิจิทัลที่เข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นจากเดิมทั้งในส่วนบุคคลและภาคธุรกิจ” นายเอก กล่าว

ส่วนภาพรวมธุรกิจในปี 2564 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 5-15% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทได้ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 150-300 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเพื่อใช้ลงทุนขยายกิจการในบริษัทย่อย (บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ พีทีอี ลิมิเตด ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 100% ) และอีกส่วนหนึ่งเพื่อใช้ลงทุนในโรงงานและเครื่องจักรมากขึ้น และลงทุนในกลุ่มธุรกิจแพ็คเกจจิ้ง,โลจิสติกส์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุน

อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทได้วางแผนลดภาระค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในส่วนของส่งออกและนำเข้าสินค้า เพื่อให้การส่งสินค้าให้ลูกค้าภายในกำหนด เนื่องจากปีก่อนได้ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้เกิดการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ และพื้นที่ระวางเรือ

ขณะเดียวกันในครึ่งปีหลังมีแผนเพิ่มสินค้าใหม่ๆ ทั้งในกลุ่มกาวและสติกเกอร์มากขึ้น และในปีนี้เน้นรุกตลาดในกลุ่มอาเซียน เช่น มาเลเซีย,ฟิลิปินส์,อินโดนิเซีย เป็นหลักเช่นเคย ส่วนนอกอาเซียนยังเน้นไปที่ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยคาดว่าวธุรกิจจะขยายตัวดีจากปี 2562 โดยบริษัทวางเป้าสัดส่วนการขายในประเทศ 70% และในต่างประเทศสัดส่วน 30%

นางสาวยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ กล่าวเพิ่มเติม ในปี 2564 บริษัทยังคงเน้นการเฝ้าระวังและการปรับตัวในการดำเนินธุรกิจที่จะส่งผลต่อรายได้โดยเฉพาะทางด้านการขายและการตลาดที่จะมีการติดตามแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมต่างๆ และการบริหารห่วงโซ่อุปทานให้เกิดความพร้อมในการดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

Back to top button