“เคจีไอฯ” เชียร์ซื้อ EKH ประเมินผลงาน Q2 โตต่อ ผบห.ส่งซิกรายได้ปีนี้พุ่งกว่า 20%

“เคจีไอฯ” เชียร์ซื้อ EKH เพิ่มเป้าพื้นฐาน 7.20 บ. ประเมินผลงาน Q2 โตต่อ อัพเป้ากำไรปี 64 เพิ่ม 11.6% รับอานิสงส์โควิด-19 ระบาดรอบใหม่ หนุนผู้ป่วยเข้าใช้บริการเพิ่มเต็มสูบ ผบห.ส่งซิกรายได้ปีนี้โตกว่า 20%


บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH  โดยประเมินผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 คาดว่ามีแนวโน้มโดดเด่น เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในเดือนเมษายน 2564 ทำให้คาดว่ากำไรของ EKH จะปรับตัวดีขึ้นทั้งจากงวดเดียวกันปีก่อน และไตรมาส 1/2564 เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง สามารถควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ยังได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-2565 ขึ้นอีก 11.6% และ 8.6% ตามลำดับ  เนื่องจากฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มสมมติฐานอัตราการเติบโตของรายได้จากงวดเดียวกันปีก่อน ในปี 2564-65 ขึ้นอีกจากเดิมอีก 1.1% และ ปรับลดสมมติฐานสัดส่วน SG&A/รายได้ ลงเหลือ 20% (จากเดิม 22%) สำหรับปี 2564-65

ขณะที่ฝ่ายวิจัยยังปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี 2564 เป็น 36.5% (จากเดิม 36.2) เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นที่จะได้ผลบวกจากการประหยัดต่อขนาดของบริการตรวจโควิด-19 ดังนั้นจึงคาดว่ากำไรสุทธิของ EKH ในปี 2564 จะอยู่ที่ 125 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น73.1%จากงวดเดียวกันปีก่อน) และในปี 2565 จะอยู่ที่ 154 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 23.3%จากงวดเดียวกันปีก่อน)

อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการทำกำไรของ EKH ยังมีแนวโน้มที่ดีในอีก 2-3 ปีข้างหน้า หลังจากผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วไตรมาส2/2563 ทั้งนี้เมื่ออิงตามประมาณการใหม่ ทางฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำ ซื้อ และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2565 ที่ 7.20 บาท (WAC ที่ 9%,TG ที่ 3% ) จากเดิม 6.20 บาท (อิงประมาณการปี 2564)

ด้านนายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการและผู้อำนวยการโรงพยาบาล EKH กล่าวถึง แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 ของกลุ่มบริษัทฯ คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากไตรมาสแรกที่มีกำไรสุทธิ  33.46 ล้านบาท  ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 215.24 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น จากจำนวนผู้ป่วยนอก(OPD)  และผู้ป่วยใน (IPD)

โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ระลอก 3 และรายได้จากการตรวจโควิด ประกอบกับจำนวนมีผู้เข้ารับการรักษาโควิดเพิ่มขึ้น จนเกือบเต็มเช่นเดียวกับผู้ป่วย IPD และผู้ป่วย OPD  จึงช่วยสนับสนุนให้รายได้และกำไรมีแนวโน้มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ  และเชื่อมั่นว่าจะทำให้รายได้ปี 2564 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากงวดเดียวกันปีก่อน

Back to top button