
WICE เล็งขยายตลาดสหรัฐ-เอเชีย ดันกลยุทธ์โลจิสติกส์สีเขียว ตั้งเป้ารายได้โต 20%
WICE เผยแผนขยายตลาดในสหรัฐฯ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมตั้งเป้ารายได้ในปี 68 เติบโต 15-20% จากกลยุทธ์ Green Logistics และการขยายบริการที่มุ่งสร้างความยั่งยืน พร้อมปรับตัวตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการส่วนงานพัฒนาธุรกิจกลุ่ม บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE เปิดเผยภาพรวมข้อมูลธุรกิจผ่านในงาน Opportunity Day ที่จัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 โดยระบุว่า บริษัทฯ คาดการณ์การเติบโตในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ท่ามกลางความท้าทายจากปัญหาภาษีตอบโต้ (Tariffs) และความผันผวนของค่า Freight ที่มีแนวโน้มปรับขึ้นในไตรมาส 2 หลังจากอัตราค่าขนส่งเริ่มขยับขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
โดยบริษัทฯ มองว่า ตลาดในเอเชียแปซิฟิกยังมีศักยภาพเติบโตได้ แม้จะมีการตอบโต้จากภาษีของสหรัฐฯ การใช้กลยุทธ์ China+1 และการขยายตลาดในภูมิภาคจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว นอกจากนี้ การส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของประเทศไทยและการมีส่วนร่วมในซัพพลายเชนในหลายอุตสาหกรรม ทั้งอิเล็กทรอนิกส์ และ cold-chain ก็จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจ
ส่วนในแผนการเติบโตในระยะเวลา 3 ปี ของ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการขยายบริการด้าน “Green Logistics” ร่วมกับลูกค้าหลายราย เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน พร้อมทั้งใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มในการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการและขยายส่วนแบ่งการตลาดในอนาคต
ขณะที่กลยุทธ์ระยะยาว คือการใช้ประโยชน์ร่วมกันภายในกลุ่มบริษัท (Synergies & Leverage) โดยเฉพาะการพัฒนาธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการเติบโตในตลาดที่มีศักยภาพสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, ชิ้นส่วนออโต้พาร์ท และการเสริมสร้างทักษะด้านดิจิทัลให้กับบุคลากร ซึ่งเป็นกลยุทธ์กลุ่มบริษัทจะทำงานในทิศทางเดียวกัน
นายชูเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า ไตรมาส 2/2568 คาดว่าอัตราค่าขนส่งจะยังคงปรับขึ้น โดยมีปริมาณสินค้าเข้าสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นก่อนครบกำหนดระยะเวลา 90 วันของภาษีตอบโต้ ซึ่งจะส่งผลให้การขนส่งทางทะเลและทางบกมีปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้มีการขยายตลาดไปยังภูมิภาคเอเชีย และเปิด WICE Logistics Philippines Company Limited Inc. เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
ด้านทิศทางการเติบโตในปีนี้ บริษัทฯ คาดว่า รายได้เติบโต 15-20% ได้ตามเป้านี้ โดยการขยายตลาดไปยังสหรัฐฯ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลัก แม้จะมีความท้าทายจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ แต่มั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้
อย่างไรก็ดีการปรับตัวในธุรกิจโลจิสติกส์ ยังเป็นสิ่งสำคัญในการเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว โดยเฉพาะการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาประเทศไทย ซึ่งบริษัทฯ จะใช้โลจิสติกส์ที่มีความยั่งยืน และสอดคล้องกับเทรนด์ ESG ของลูกค้าในอนาคต
“บริษัทฯ เห็นสัญญาณนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ได้ร่วมมือสาขาในจีน มีแนวโน้มดีมาก ลูกค้าที่เข้ามา Set up ในเมืองไทยเยอะ แนวโน้มน่าดี เป็นฐานผลิตเพื่อส่งออกไปทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในอเมริกา” นายชูเดช กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการบริการรวม 1,060.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 962.52 ล้านบาท โดยมาจากการขนส่งทางบกข้ามแดนที่เพิ่มขึ้น 18.20% และการบริการในส่วนงานซัพพลายเชนที่เพิ่มขึ้น 34.80%
ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาสแรกอยู่ที่ 56.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 38.68 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายธุรกิจในตลาดใหม่ ๆ เช่น การบริหารคลังสินค้าและการขนส่งสินค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการให้บริการที่สร้างมูลค่าบริการให้กับลูกค้าซึ่งตามแผนกลยุทธ์ทางการตลาด ในปีนี้ คาดว่าจะให้บริการ On-Site Warehouse Management ไม่ต่ำกว่า 100,000 ตารางเมตร