ตำรวจ–คลัง รวบ 3 ผู้ต้องหา โพสต์โซเชียลหลอกแลกเงินสด “คนละครึ่งพลัส”

ตำรวจ บก.ปอศ. ร่วมกับ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง แถลงจับผู้ต้องหา 3 ราย โพสต์เชิญชวนประชาชนแลกรับเงินสด แทนการใช้สิทธิโครงการ “คนละครึ่งพลัส”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ต.ค.68) ตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง แถลงผลจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย

กรณีโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก (Facebook) เชิญชวนประชาชนแลกรับเงินสดแทนการใช้สิทธิโครงการ คนละครึ่ง พลัส โดยอ้างว่า สามารถนำวงเงินสิทธิไปแลกเป็นเงินสดกับร้านค้าได้โดยไม่ต้องซื้อสินค้า

ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย นางสาววันทนีย์ อายุ 24 ปี จับกุมที่ ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ, นางสาวทิพย์เทวี อายุ 31 ปี จับกุมที่ ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี และนางสาวนาตาชา อายุ 26 ปี จับกุมที่ ต.เนินกว้าว อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์

เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาดำเนินคดี 2 ข้อหา ได้แก่ โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงภายในประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน

พล...ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวขณะแถลงผลปฏิบัติการ ปิดเกม รับแลกลวงสกัดขบวนการโกงสิทธิรัฐ รวบขบวนการทุจริตคนละครึ่งพลัส ว่า รัฐบาลออกโครงการคนละครึ่งพลัส เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชน ฝากเตือนผู้มีสิทธิและร้านค้า หากใช้สิทธิไม่ถูกต้อง จะถือเป็นการฉ้อโกง ตำรวจสอบสวนกลางจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

ขณะที่ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยประชาชนที่อาจกระทำความผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จากการนำสิทธิในโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์

โดยโครงการคนละครึ่งในอดีตที่ผ่านมา (ระหว่างปี 2563-2564) พบพฤติการณ์ของประชาชนและร้านค้าบางส่วนที่นำสิทธิไปแลกเงินสดหรือสมรู้ร่วมคิดในการใช้สิทธิโดยไม่มีการซื้อขายสินค้าจริง ซึ่งถือเป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงอาจถูกระงับสิทธิไม่ให้เข้าร่วมโครงการอื่นของรัฐ และยังต้องชดใช้คืนเงินให้รัฐอีกด้วย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเตือนประชาชนที่ได้รับสิทธิ คนละครึ่งพลัส ห้ามนำสิทธิดังกล่าวไปขายต่อให้กับบุคคลอื่น หรือใช้สิทธิโดยไม่มีการซื้อ-ขายสินค้าจริง เนื่องจากเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย

ที่มา : ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)

Back to top button