จับตา ครม. เคาะแพ็กเกจเยียวยา–ฟื้นฟูน้ำท่วมใต้ชุดใหญ่ ควบเพิ่มวันหยุดราชการปี 2569

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 ธ.ค.68) เวลา 10:00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีวาระเร่งด่วน คือ การพิจารณามาตรการเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยภาคใต้ โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เตรียมนำเสนอ “แพ็กเกจช่วยเหลือ–ฟื้นฟู–เยียวยา” ครอบคลุมประชาชน ผู้ประกอบการ และกิจกรรมเศรษฐกิจในพื้นที่ รวม 4 มาตรการใหญ่ ภายใต้แนวคิด “Quick Big Recovery” ประกอบด้วย มาตรการพักหนี้ มาตรการสินเชื่อเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูอาชีพ มาตรการช่วยเหลือครัวเรือน และมาตรการด้านภาษีและค่าครองชีพ ซึ่งทั้งหมดมุ่งบรรเทาผลกระทบและเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจในจังหวัดภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบหนัก

ด้านวาระเศรษฐกิจสำคัญ กระทรวงการคลัง เสนอการโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) เพื่อนำไปชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยของ FIDF 1 และ FIDF 3 เพื่อช่วยลดภาระทางการคลังและเสริมเสถียรภาพระบบการเงิน

กระทรวงพลังงาน เสนอขอต่ออายุการผลิตปิโตรเลียมในสัมปทานเลขที่ 1/2529/33 แปลงสำรวจ B12/27 ในอ่าวไทย เพื่อให้การผลิตพลังงานเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง รองรับความต้องการใช้ภายในประเทศ

ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอขออนุมัติตามมติคณะกรรมการนโยบายยางแห่งชาติ (กยท.) ครั้งที่ 2/2567 ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการพยุงราคายางและกลไกบริหารจัดการผลผลิต เพื่อรักษาเสถียรภาพรายได้เกษตรกรในช่วงเกิดภัยพิบัติ

นอกจากนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จะเสนอกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ และภาพรวมวันหยุดราชการ ประจำปี 2569 โดยเสนอเพิ่มวันหยุดพิเศษอีก 2 วัน ได้แก่

วันที่ 2 มิถุนายน 2569 ซึ่งจะทำให้ช่วงวันที่ 30 พฤษภาคม – 3 มิถุนายน 2569 เป็นวันหยุดต่อเนื่อง 5 วัน

วันที่ 31 กรกฎาคม 2569 ซึ่งจะทำให้ช่วงวันที่ 28 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม 2569 เป็นวันหยุดยาว 6 วันติดต่อกัน

ทั้งนี้ การกำหนดวันหยุดราชการพิเศษ มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นกิจกรรมท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภายในประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีการเสนอแต่งตั้งอีกหลายหน่วยงาน อาทิ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ และกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย