“ภูมิใจไทย” คึกคัก! เปิดรับสมาชิกวันแรก “วราวุธ–เอกนัฏ–สุชาติ” นำทีมเข้าพรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ธ.ค.68) พรรคภูมิใจไทยเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการเป็นวันแรก เพื่อรองรับการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ให้เป็นไปตามกรอบกฎหมายที่กำหนดให้ผู้สมัครต้องสังกัดพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 30 วันก่อนวันเลือกตั้ง

ในช่วงบ่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลาราชการเพื่อเดินทางเข้าร่วมประชุมพรรคภูมิใจไทย ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่คึกคัก โดยมีอดีต สส. และกลุ่มการเมืองจากหลายพรรคทยอยเดินทางเข้าสมัครสมาชิกอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้นำแกนนำและอดีต สส.หลายราย อาทิ นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ นายจุติ ไกรฤกษ์ นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ และนายศาสตรา ศรีปาน เดินทางเข้าสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทย โดยมีรายงานว่า นายเอกนัฏจะเข้ามารับผิดชอบพื้นที่เขตเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร ร่วมกับนางสาวศุภมาส อิสรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า อดีต สส.ในกลุ่มจำนวน 16 คน จะเดินทางมาสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทยครบทั้งหมด เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า

ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้นำอดีต สส.และแกนนำกลุ่มจำนวนมาก อาทิ นายสรชัด สุจิตต์ นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ นายนพดล มาตรศรี นายเสมอกัน เที่ยงธรรม นายประภัตร โพธสุธน นายศุภโชค ศรีสุขจร นายพาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ นายอนุชา สะสมทรัพย์ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ นายนิกร จำนง และนายกนก วงษ์ตระหง่าน เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เพื่อเตรียมลงสนามเลือกตั้งปี 2569

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า นายกฤษดา หลีนวรัตน์ หรือ “นายกเบี้ยว” อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี พร้อมด้วยนายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ หรือ “ฟลุ๊ค” อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยแล้ว สะท้อนทิศทางการขยายฐานอดีต สส.และกลุ่มการเมืองในพื้นที่ภาคกลาง

ทั้งนี้ ยังมีกระแสข่าวว่า อดีต สส.พรรคเพื่อไทย หลายราย รวมถึงอดีต สส.กรุงเทพมหานคร จากพรรคประชาชน ซึ่งไม่ได้รับการส่งลงสมัครจากพรรคเดิม เตรียมตัดสินใจย้ายเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทยเพิ่มเติมในระยะถัดไป