
“ทรัมป์” ผ่อนปรนภาษีนำเข้า “รถยนต์” เปิดช่องคืนภาษี 2 ปี ยานยนต์ประกอบในสหรัฐ
ประธานาธิบดีทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายล่าสุด ผ่อนปรนภาษีนำเข้ารถยนต์ พร้อมเปิดทางคืนภาษี 2 ปี สำหรับรถยนต์ที่ประกอบในสหรัฐฯ
สำนักข่าว CNBC รายงานเมื่อวันที่ 29 เม.ย.68 ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อผ่อนคลายภาษีนำเข้ารถยนต์บางรายการ หลังจากรัฐบาลได้ประกาศใช้นโยบายภาษีนำเข้าชุดใหม่เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ท่ามกลางความไม่แน่นอนของกฎระเบียบและต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ
แม้ว่าภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 25% สำหรับรถยนต์ที่นำเข้ามายังสหรัฐฯ จะยังคงมีผลบังคับใช้ แต่มาตรการใหม่มีเป้าหมายเพื่อลดภาระโดยรวมของภาษีนำเข้า โดยเฉพาะในกรณีที่มีการจัดเก็บภาษีแยกต่างหาก เช่น ภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม ซึ่งมีอัตราเพิ่มอีก 25% ส่งผลให้เกิดภาระภาษี “ซ้อนกัน”
ภายใต้คำสั่งฉบับใหม่นี้ ภาษีนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ในอัตรา 25% ที่มีกำหนดเริ่มบังคับใช้วันที่ 3 พฤษภาคม 2568 จะยังคงมีผลต่อไป อย่างไรก็ตาม รถยนต์ที่ประกอบขั้นสุดท้ายในสหรัฐฯ จะมีสิทธิ์ได้รับการคืนภาษีบางส่วนเป็นระยะเวลา 2 ปี
การคืนภาษีดังกล่าวครอบคลุมการชดเชยในอัตรา 3.75% ของมูลค่ารถยนต์ที่ประกอบภายในประเทศก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2569 และจะลดลงเหลือ 2.5% สำหรับรถยนต์ที่ประกอบระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2569 ถึง 30 เมษายน 2570 ตามรายละเอียดในคำสั่ง
ทั้งนี้ อัตราดังกล่าวอ้างอิงจากการจัดเก็บภาษีในอัตรา 25% ของมูลค่ารถยนต์ โดยใช้สัดส่วน 15% ในปีแรก และ 10% ในปีถัดไป
ขณะที่ทรัมป์กล่าวระหว่างการเยือนรัฐมิชิแกนเมื่อวันอังคารว่า ฝ่ายบริหารจะจัดการอย่างจริงจังกับผู้ผลิตที่ไม่ย้ายฐานการผลิตหรือการนำเข้าชิ้นส่วนกลับมายังสหรัฐฯ แม้จะไม่ได้ชี้แจงเพิ่มเติม แต่เขาได้กล่าวถึงสัดส่วน 15% และ 10% ซึ่งใช้ในการคำนวณภาษีดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับกลไกหรือขั้นตอนที่ผู้ผลิตรถยนต์จะสามารถยื่นขอรับเงินคืนหรือการชดเชยได้ โดยคำสั่งนี้จะมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นวันแรกที่มาตรการภาษีดังกล่าวเริ่มบังคับใช้
ทรัมป์ยังกล่าวในช่วงเช้าของวันเดียวกันว่า “ถ้าพวกเขาไม่สามารถจัดหาชิ้นส่วนได้ เราก็ไม่ต้องการลงโทษพวกเขา”
ทั้งนี้ การเยือนรัฐมิชิแกนของประธานาธิบดีทรัมป์ในวันอังคาร มีขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 100 วันแรกของการกลับมาดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยล่าสุด