
“ดาวโจนส์” ปิดบวก 117 จุด รับแรงหนุน Nvidia – จับตาภาษีทรัมป์กดดันค้าปลีก
ดัชนีหุ้นวอลสตรีทปิดบวกก่อนสิ้นสุดสัปดาห์ นักลงทุนกลับมาลุยตลาดอีกครั้ง ดันดัชนี DJI ปิดบวก 117 จุด หลัง Nvidia รายงานผลประกอบการแข็งแกร่ง แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเผชิญแรงกดดันจากภาษีการค้าที่กลับมามีผลบังคับใช้ ท่ามกลางความผันผวนของข้อมูลแรงงานและ GDP
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดในแดนบวกเมื่อวันพฤหัสบดี(29 พ.ค.68) โดยนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัท Nvidia รวมถึงแผนเพิ่มกำลังการผลิตของ Boeing ขณะที่ยังคงติดตามความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีศุลกากรที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคค้าปลีก
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 42,215.73 จุด เพิ่มขึ้น 117.03 จุด หรือ +0.28%
- ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 5,912.17 จุด เพิ่มขึ้น 23.62 จุด หรือ +0.40%
- ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 19,175.87 จุด เพิ่มขึ้น 74.93 จุด หรือ +0.39%
ราคาหุ้นของ Nvidia (NVDA) พุ่งขึ้น 3.3% หลังรายงานรายได้ไตรมาสแรกสูงกว่าคาดการณ์ แม้บริษัทเตือนว่ารายได้ในไตรมาส 2 อาจพลาดเป้าถึง 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากผลกระทบของข้อจำกัดด้านการส่งออกไปยังจีน แต่ตลาดยังคงเชื่อมั่นในแนวโน้มธุรกิจชิป AI ของ Nvidia ซึ่งสะท้อนความเชื่อว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อาจสามารถรับมือกับนโยบายการค้าของรัฐบาลได้ในระยะยาว
ขณะเดียวกัน หุ้น Boeing (BA) ปรับขึ้น 3.3% หลังจากผู้บริหารเปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องบินรุ่น 737 MAX ซึ่งเป็นรุ่นขายดีที่สุด เป็น 42 ลำต่อเดือนภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า และเพิ่มเป็น 47 ลำต่อเดือนในช่วงต้นปี 2569
อย่างไรก็ดี ความกังวลด้านภาษียังไม่คลี่คลาย หลังศาลอุทธรณ์กลางของสหรัฐฯ อนุญาตให้มาตรการภาษีศุลกากรในวงกว้างของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงมีผลบังคับใช้เป็นการชั่วคราว แม้ศาลการค้าระหว่างประเทศจะเคยระงับคำสั่งดังกล่าว โดยระบุถึงความไม่ชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการบังคับใช้
สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลต่อความเชื่อมั่นในกลุ่มค้าปลีก โดย Best Buy (BBY) ปรับลดคาดการณ์รายได้ทั้งปีลง และให้เหตุผลว่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากนโยบายภาษีกระทบต่อการดำเนินงาน นักลงทุนจึงจับตารายงานผลประกอบการของ Costco (COST) อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะหลังจากที่ทรัมป์เคยกล่าวกับ Walmart (WMT) ว่าควรแบกรับต้นทุนจากการขึ้นภาษีด้วยตนเอง
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 1/2568 หดตัวที่อัตรา 0.2% ต่อปี ซึ่งเป็นการปรับประมาณการขึ้นเล็กน้อยจากตัวเลขเบื้องต้นที่หดตัว 0.3% ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ล่าสุด เพิ่มขึ้น 14,000 ราย แตะระดับ 240,000 ราย สูงกว่าคาดการณ์ที่ 226,000 ราย สะท้อนแรงกดดันในตลาดแรงงาน
นอกจากนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐฯ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) ลดลง 6.3% ในเดือนเมษายน เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 71.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี สะท้อนภาวะชะลอตัวในภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ
ภาพรวมตลาดยังคงสะท้อนความผันผวนระหว่างแรงหนุนจากภาคเทคโนโลยี กับแรงกดดันด้านเศรษฐกิจและนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งยังคงเป็นประเด็นที่นักลงทุนทั่วโลกต้องจับตาอย่างใกล้ชิด