หุ้นยุโรปปิดบวก รับแรงซื้อบริษัทยักษ์กลุ่ม “ประกันภัย” หนุน

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ดัชนี STOXX 600 แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มประกันภัย และกลุ่มอุตสาหกรรมกลาโหม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (14 ส.ค.68) โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมกลาโหมและการเงินเป็นหลัก

สำหรับ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 553.87 จุด เพิ่มขึ้น 3.02 จุด หรือ +0.55%, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 7,870.34 จุด เพิ่มขึ้น 65.37 จุด หรือ +0.84%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี ปิดที่ 24,377.50 จุด เพิ่มขึ้น 191.91 จุด หรือ +0.79% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 9,177.24 จุด เพิ่มขึ้น 12.01 จุด หรือ +0.13%

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ดัชนี STOXX Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 2 เดือน โดยได้รับแรงสนับสนุนหลักจากหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมกลาโหมและประกันภัยที่แสดงผลงานทางการเงินเกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์ในไตรมาสล่าสุด

โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมกลาโหมซึ่งครองบทบาทสำคัญในฐานะตัวขับเคลื่อนตลาด โดยมีดัชนีย่อย aerospace and defence ขยับขึ้นถึงราว +2.2% ขณะเดียวกันหุ้นในกลุ่มประกันภัยก็ขยับขึ้นเฉลี่ย +0.9% หลังจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ +0.6% จากวันก่อนหน้า ดูเหมือนเป็นระดับสูงสุดในช่วงกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา

นอกจากนี้ บริษัทยักษ์ในกลุ่มประกันภัย เช่น Admiral Group และ Aviva เป็นหนึ่งในแรงขับสำคัญที่ช่วยพยุงตลาด โดยหุ้น Admiral Group ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (record high) หลังรายงานผลประกอบการครึ่งปี (H1) ที่แข็งแกร่ง ส่วน Aviva ก็พุ่งขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007 หลังจากประกาศเพิ่มเงินปันผลและรายงานผลประกอบการครึ่งปีที่แข็งแรงกว่าคาดการณ์

ในส่วนของตลาดลอนดอน ดัชนี FTSE 100 แม้จะเผชิญแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานและเหมือง แต่การดีดตัวของหุ้นกลุ่มกลาโหมช่วยพยุงตลาด ทำให้ปิดเกือบทรงตัว (+0.06% ณ เวลา 10:18 GMT)

แรงหนุนสำคัญมาจากหุ้นกลุ่มกลาโหมและประกันภัย โดยเฉพาะ Admiral Group ที่ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และ Aviva ที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบหลายปี หลังประกาศเพิ่มเงินปันผลชั่วคราว และผลประกอบการครึ่งปีแรกออกมาดีเกินคาด

ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรง โดย Harbour Energy ร่วงลง 4.5% ส่วนหุ้นรายใหญ่อย่าง Shell และ BP ลดลงเล็กน้อย แต่แรงซื้อจากหุ้นอื่นชดเชยความอ่อนแรงได้

นักลงทุนยังคงจับตาทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ โดยคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป

Back to top button