“ดาวโจนส์” ปิดลบ 220 จุด หลังตัวเลข PPI ต่ำกว่าคาด – แรงขายหุ้น Apple กดดัน

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบกว่า 220 จุด หลังหุ้น Apple ร่วงกดดันตลาด ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ทำนิวไฮต่อเนื่อง รับแรงหนุนตัวเลขเงินเฟ้อภาคผู้ผลิต ต่ำกว่าคาดการณ์ เสริมความมั่นใจเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยสัปดาห์หน้า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (10 ก.ย.68) ปิดปรับตัวลดลง ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงจากแรงกดดันของหุ้นแอปเปิล (Apple) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังคงปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดย แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นออราเคิล (Oracle) รวมทั้งตัวเลขเงินเฟ้อภาคผู้ผลิตที่ออกมาต่ำกว่าที่คาด

สำหรับดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 45,490.92 จุด ลดลง 220.42 จุด หรือ -0.48%,ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 6,532.04 จุด เพิ่มขึ้น 19.43 จุด หรือ +0.30% และดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 21,886.06 จุด เพิ่มขึ้น 6.57 จุด หรือ +0.03%

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนสิงหาคม ปรับตัวขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 3.3% และชะลอลงจากระดับ 3.1% ในเดือนกรกฎาคม ตัวเลขดังกล่าวช่วยหนุนความเชื่อมั่นในตลาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า โดยข้อมูลจากเครื่องมือ CME FedWatch ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนักถึง 90% ต่อความเป็นไปได้นี้

ส่วนหุ้น Oracle (ORCL) ทะยานขึ้นกว่า 36% ในการซื้อขายวันพุธ (10 ก.ย.68) ซึ่งถือเป็นการปรับตัวขึ้นแรงที่สุดในวันเดียว ตั้งแต่บริษัทเข้าตลาดหุ้นในปี พ.ศ. 2535

แรงหนุนหลักมาจากการที่บริษัทเปิดเผยว่า รายได้จากธุรกิจคลาวด์และ AI Services จะเติบโตเร็วกว่าคาด โดยเฉพาะบริการโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์ (Cloud Infrastructure) ที่ได้รับอานิสงส์จากดีมานด์ AI ที่พุ่งสูง

นักลงทุนตอบรับด้วยความเชื่อมั่นว่า Oracle จะกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในการให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน AI แข่งกับ Microsoft Azure และ Amazon AWS

นอกจากหุ้น Oracle แล้ว หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่ยังเคลื่อนไหวเชิงบวกตามมา เช่น Nvidia +3.8% และ AMD 2.4% ที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการเติบโตของธุรกิจ AI และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งมีส่วนช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ให้อยู่ในแดนบวกแม้ตลาดเผชิญแรงกดดันจาก Apple

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวในครั้งนี้สะท้อนถึงภาพรวมตลาดที่ยังได้รับแรงขับเคลื่อนจากหุ้นเทคโนโลยี และข้อมูลเงินเฟ้อที่ผ่อนคลาย ขณะที่ภาคการเงินยังคงจับตาท่าทีของเฟดอย่างใกล้ชิดในการประชุมกลางเดือนกันยายนนี้

Back to top button