
“ดาวโจนส์” ปิดบวก 124 จุด รับแรงหนุนหุ้นเทค–หวังเฟดหั่นดอกเบี้ยอีก 2 รอบปีนี้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกทุกดัชนี นำโดยหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นขนาดเล็กที่พุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ นักลงทุนคาดหวังเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม อีก 2 ครั้งในปีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (18 ก.ย.68) ปิดบวกทั้งสามดัชนีหลัก ขานรับแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะ Nvidia และ Intel ที่พุ่งขึ้นจากกระแสข่าวการลงทุนร่วมด้านศูนย์ข้อมูลและ AI ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคาดหวังว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในเดือนต.ค.และธ.ค. หลังจากเพิ่งปรับลดครั้งแรกของปีในสัปดาห์นี้
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 46,142.42จุด เพิ่มขึ้น 10 จุด หรือ +0.27%
 - ดัชนี S&P 500(.SPX) ปิดที่ 6,631.96 จุด เพิ่มขึ้น 61 จุด หรือ +0.48%
 - ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 22,470.72จุด เพิ่มขึ้น 40 จุด หรือ +0.94%
 
แรงหนุนสำคัญมาจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะ Intel ที่พุ่งขึ้นราว 22.8–23% และ Nvidia ที่ปรับตัวขึ้นประมาณ 3.5–3.8% หลังมีรายงานการลงทุนร่วมในโครงการศูนย์ข้อมูล (data centers) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งช่วยเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อกลุ่มดังกล่าว
นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งเป็นครั้งแรกของปีนี้ ได้สร้างความคาดหวังว่าเฟดอาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ในการประชุมเดือนตุลาคมและธันวาคม ตามที่ปรากฏใน dot plot และการประเมินของนักวิเคราะห์หลายสำนัก
สำหรับหุ้นขนาดเล็ก (small caps) ได้อานิสงส์มากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ เนื่องจากมีความอ่อนไหวต่อทิศทางดอกเบี้ยสูงกว่า เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ต้นทุนทางการเงินของบริษัทกลุ่มนี้ปรับตัวลงรวดเร็ว ส่งผลให้ Russell 2000 พุ่งแรงเหนือค่าเฉลี่ยตลาด
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์บางส่วนเตือนว่า ตลาดยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงจาก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (Treasury yields) ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อและตลาดแรงงานที่ยังตึงตัว โดยตลาดการเงินส่วนใหญ่ได้ “price in” ความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งภายในปีนี้เรียบร้อยแล้ว
				