
“ดาวโจนส์” ปิดลบ 499 จุด เซ่นหุ้น “Cloudflare” ร่วงหนัก หลังระบบล่ม กระทบเว็บไซต์ทั่วโลก
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบอย่างหนักในวันอังคาร ดัชนีดาวโจนส์ลดลงเกือบ 500 จุด หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโดนเทขายต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนกังวลทิศทางการปรับดอกเบี้ยของเฟด ที่อาจไม่ลดลงในเร็วๆ นี้ ขณะที่หุ้น Cloudflare ร่วง 2.8% หลังจากประสบปัญหาระบบล่ม ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงเว็บไซต์ทั่วโลก รวมถึงบริการสำคัญอย่าง OpenAI และ ChatGPT
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนวันอังคาร (18 พ.ย.68) ปิดอ่อนแรง โดยดัชนีดาวโจนส์และตลาดหุ้นส่วนใหญ่ได้รับแรงกดดันจากการเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นักลงทุนยังคงระมัดระวัง เนื่องจากสัญญาณจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจบ่งชี้ว่าเฟดอาจจะไม่ลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 46,091.74 จุด ลดลง 498.50 จุด หรือ -1.07%
- ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 6,617.32 จุด ลดลง 55.09 จุด หรือ -0.83%
- ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 22,85 จุด ลดลง 275.23 จุด หรือ -1.21%
นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนที่ Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป AI รายใหญ่ของสหรัฐฯ จะประกาศผลประกอบการ หลังจากตลาดปิดทำการในวันพุธที่ 19 พฤศจิกายน 2568 นักลงทุนจับตาผลประกอบการของ Nvidia อย่างใกล้ชิดเพื่อตีความแนวโน้มของตลาด AI ซึ่งคาดว่าจะสะท้อนแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ AI ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล
ด้านหุ้น Cloudflare ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการด้านความปลอดภัย ความเร็ว และความเสถียรของเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต ร่วงลงราว 2.8% หลังจากเกิดปัญหาขัดข้องในระบบที่ส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึง OpenAI, Perplexity, ChatGPT, X และ Gemini โดยรายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า สาเหตุของการล่มเกิดจากการเพิ่มขึ้นของจราจรที่ผิดปกติในเครือข่ายของ Cloudflare ซึ่งส่งผลให้เกิดการขัดข้องในบริการต่างๆ ไม่ใช่การโจมตีไซเบอร์โดยตรง
ตลาดจับตาผลประกอบการของบริษัทชิปใหญ่ อาทิ Nvidia ซึ่งคาดว่าจะสะท้อนแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ AI ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล
ขณะที่หุ้นค้าปลีกบางรายเริ่มแสดงสัญญาณอ่อนแรง เช่น ร้าน Home Depot ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ร่วงลง 6.02% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3 โดยได้รับผลกระทบจากภาวะซบเซาของการใช้จ่ายผู้บริโภค และความต้องการการปรับปรุงตกแต่งบ้านที่ลดน้อยลง นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์กำไรตลอดปีงบการเงิน 2568 ที่น่าผิดหวัง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นค้าปลีกและการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ขณะเดียวกันหุ้นค้าปลีกบางรายเริ่มแสดงสัญญาณอ่อนแรง เช่น ร้านโฮมอิมพรูฟเมนท์รายใหญ่ที่รายงานว่างบไม่ถึงเป้าอีกครั้ง
