โบรกฯฟันธง 8 หุ้นเด็ด SET อ่อนตัว เทคนิคเข้าเขตซื้อมากเกินไป

ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ มีแนวโน้มแกว่งตัวลง หลังนักลงทุนต่างชาติและกองทุนกลับมาขาย ขณะที่ในทางเทคนิคเข้าเขตซื้อมากเกินไป ทำให้เริ่มมีแรงขายทำกำไรบ้าง การลงทุนยังเน้นกลุ่มที่ราคา Laggard และได้รับผลดีจากการลงทุนภายในประเทศ


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.35 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.04 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 6 เมื่อคืนนี้ ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ก็ปิดทำนิวไฮด้วยเช่นกัน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ มีแนวโน้มแกว่งตัวลง หลังนักลงทุนต่างชาติและกองทุนกลับมาขาย ขณะที่ในทางเทคนิคเข้าเขตซื้อมากเกินไป ทำให้เริ่มมีแรงขายทำกำไรบ้าง การลงทุนยังเน้นกลุ่มที่ราคา Laggard และได้รับผลดีจากการลงทุนภายในประเทศ หุ้นเด่นเลือก AMATA, WHA, TICON, KKP, TISCO, CENTEL, ERW และ MINT

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (20 ก.ย.) คาดว่าจะแกว่งตัวลง หลังนักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิ และกองทุนในประเทศขาย จึงอาจถูกมองว่าดัชนีฯปรับตัวขึ้นไปสูงแล้วหรือไม่ นอกจากนี้ ในทางเทคนิคเข้าเขตซื้อมากเกินไป (Overbought) ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ จากแรงขายทำกำไรในช่วงรอผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งต่างรอดูจะมีการกล่าวถึงการปรับลดงบดุลสหรัฐฯหรือไม่ อย่างไร อีกทั้งราคาน้ำมันปรับตัวลงเล็กน้อยด้วย รวมไปถึงตลาดฯยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่เข้ามา นอกจากนี้ ตลาดบ้านเราเริ่ม Outperform ตลาดภูมิภาคแล้ว ทำให้เริ่มมีแรงขายทำกำไรบ้าง พร้อมให้แนวรับ 1,664 จุด ส่วนแนวต้าน 1,678 จุด

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ก.ย.) ว่า SET มีโอกาสแกว่งตัวระหว่างวันต่อเนื่องวันนี้ กรอบ 1,665 – 1,678 จุด รอผลการประชุม FOMC คืนนี้ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนต่อการลดขนาดงบดุล (Balance sheet normalization) และโอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.นี้ ล่าสุด Bond yield 10 ปีสหรัฐฯ ปรับขึ้นมาที่ 2.24%…สำหรับภาพระยะสัปดาห์ยังมองเป้าหมายการปรับสูงขึ้นไปที่ 1,690 จุด ต่อไป

แนะนำ 1) “ซื้อ” กลุ่มโรงแรม ที่กำลังเข้าสู่ช่วง High Season ใน 4Q แนะนำ “ซื้อ” CENTEL ERW และ MINT  ที่ยังเป็น Laggard play และ 2) “ซื้อ” กลุ่มธนาคารขนาดกลางที่เป็น Laggard play ได้แก่ a) KKP ราคาหุ้น +0.36% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ปันผลสูง 8.7% และผลดีจากปริมาณการซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นหนุนกำไรธุรกิจหลักทรัพย์ ขณะที่กองฯ Thailand Futures Fund คาดเริ่ม roadshow พ.ย.นี้ ระดมทุน 1Q18 และ b) TISCO ราคาหุ้น +3.4% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา, ผลดีจากธุรกิจหลักทรัพย์ดีขึ้นตามปริมาณการซื้อขายหุ้นเพิ่ม, รับรู้รายได้จากธุรกิจ Retail ของ SCBT ปี 2018 เต็มปี

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ก.ย.) วาง Filter แนวรับดัชนี SET ที่ 1,660 จุด กรณียืนได้แนวโน้มยัง Sideway Up ไปที่ระดับ 1,680 – 1,700 จุด โดยให้เพิ่มความระมัดระวังหากดัชนีผ่านระดับ 1,680 จุด เนื่องจาก Upside ของดัชนีเริ่มจำกัด แนะนำเก็งกำไรกลุ่มนิคมฯ AMATA, WHA, TICON (+ ครม.เห็นชอบ พ.ร.บ. EEC)

Back to top button