กูรูชี้ 4 หุ้นเจ๋ง! รับผลดีน้ำมันร่วง-บาทอ่อนSET บ่ายมีโอกาสลดช่วงลบ-แรงซื้อหนุน

SET เช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดภูมิภาค รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นจีน รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับลงแรง สำหรับตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ให้ติดตาม Pre-view งบการเงิน บ่ายนี้ดัชนีฯมีลุ้นลดช่วงลบลง หลังเริ่มเห็นแรงซื้อเข้ามาในหุ้นหลายตัว พร้อมให้แนวรับ 1,235 แนวต้าน 1,250 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า ( 7 ม.ค.) 

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย คาดว่าดัชนีฯมีโอกาสฟื้นตัวบ้างแม้ว่าจะยังอยู่ในแดนลบ หลังเริ่มเห็นมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นหลายตัว พร้อมให้แนวรับ 1,235 จุด ส่วนแนวต้าน 1,250 จุด ขณะที่ แนะนำ AAV-EPG-KCE และ SVI

 

นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากรับแรงกดดันจากตลาดหุ้นจีน จากที่พรุ่งนี้มาตรการการห้ามผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้นออกมาจะครบกำหนดระยะเวลาห้าม 6 เดือน และนักลงทุนต่างก็ยังมีความกังวลเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัวลง รวมถึงราคาน้ำมันดิบก็ยังปรับตัวลงแรงด้วย

สำหรับตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ให้ติดตามการ Pre-view ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตัวไหนที่คาดการณ์ว่าจะมีผลประกอบการออกมาดีน่าจะมีแรงซื้อเข้ามาได้บ้างเมื่อราคาหุ้นปรับตัวลง

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดว่าดัชนีฯมีโอกาสฟื้นตัวบ้างแม้ว่าจะยังอยู่ในแดนลบ หลังเริ่มเห็นมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นหลายตัว พร้อมให้แนวรับ 1,235 จุด ส่วนแนวต้าน 1,250 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ ( 7 ม.ค.) ว่า การปรับลดลงแรงของตลาดหุ้นจีนกว่า 7% จากความกังวลต่อ 1) เศรษฐกิจชะลอตัว 2) มาตรการห้ามขายหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เกิน 5% ที่จะหมดอายุลงในวันที่ 8 ม.ค.นี้ รวมไปถึงการปรับลดลงแรงของราคาน้ำมัน เป็นปัจจัยกดดัน SET ตั้งแต่เปิดตลาด

อย่างไรก็ตามล่าสุด กลต.จีน กำหนดให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ถือหุ้นเกิน 5% จะสามารถขายหุ้นได้ไม่เกิน 1% ของหุ้นที่ถือหุ้นภายในระยะเวลา 3 เดือน และต้องแจ้งแผนในการลดหุ้นให้กับ กลต.ทราบก่อนล่วงหน้า 15 วัน ซึ่งคาดว่าจะทำให้แรงขายหุ้นโลกชะลอตัว และหวัง Technical Rebound ระยะสั้น

สำหรับกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการปรับลดลงของราคาน้ำมัน อย่าง AAV และ EPG ที่มีต้นทุนการผลิต/ให้บริการ ตามราคาน้ำมัน มีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาด และแนะนำ “ซื้อ” โดยมีแนวต้านระยะสั้นที่ 5.50 บาท และ 14.00 บาท ตามลำดับ

นอกจากนี้ การอ่อนค่าของค่าเงินบาท ตามการอ่อนค่าของค่าเงินภูมิภาค เป็นปัจจัยบวกต่ออัตรากำไรของ หุ้นกลุ่มส่งออก อย่างกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง KCE และ SVI โดยคาดการณ์ผลการดำเนินงาน KCE ในไตรมาส 4 ปี 2558 จะออกมาดี ขณะที่ SVI เริ่มมีสัญญาณ “บวก” ทางเทคนิค โดยประเมินแนวต้านระยะสั้นที่ 5.05 บาท และถัดไปที่ 5.30 บาท

ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) เดือน ธ.ค. จาก ม.หอการค้าไทย ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 หลังจากที่ปรับลง 9 เดือนติดต่อกัน มาที่ระดับ 76.1(จาก 74.6 ในเดือน พ.ย.) ซึ่ง CCI ที่ปรับขึ้นต่อเนื่องมา 3 เดือน เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มากที่สุด รองลงมาจะเป็นกลุ่มธนาคาร กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มเช่าซื้อ กลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,929.93 ล้านบาท ปิดที่ 137.00 บาท ลดลง 0.50 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,669.57 ล้านบาท ปิดที่ 213.00 บาท ลดลง 15.00 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,409.54 ล้านบาท ปิดที่ 3.00 บาท ลดลง0.14 บาท

INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 982.86 ล้านบาท ปิดที่ 48.25 บาท ลดลง 1.25 บาท

SCC มูลค่าการซื้อขาย 736.23 ล้านบาท ปิดที่ 418.00 บาท ลดลง 14.00 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button