
ครม. ไฟเขียวโยกงบ “เงินหมื่น” 1.57 แสนลบ. ดัน 4 เสาหลักกระตุ้นเศรษฐกิจ
รัฐบาลปรับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ โยกงบ 1.57 แสนล้านบาท จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ลงทุนผ่าน 4 เสาหลักเร่งฟื้นเศรษฐกิจ นายกย้ำต้องใช้เม็ดเงินให้หมดภายใน 30 ก.ย. นี้ หวังสร้างผลลัพธ์ระยะสั้น พร้อมปูทางสู่พัฒนาระยะยาว
วันนี้ (20 พ.ค.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้งบประมาณกลางปี 2568 วงเงิน 157,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อดำเนินการตามมติของคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2568 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา
แผนดังกล่าวครอบคลุม 4 ด้านหลัก ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน การท่องเที่ยว การลดผลกระทบจากการส่งออกและการเพิ่มผลิตภาพ รวมถึงเศรษฐกิจชุมชน โดยมีเป้าหมายกระจายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบอย่างเร่งด่วน เพื่อรักษาระดับการจ้างงาน และวางรากฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
“มีการปรับแผนและเปลี่ยนเงินในก้อนนี้มาลงในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน และลงทุนในมนุษย์ที่เป็นการลงทุนระยะยาว” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นางสาวแพทองธาร ระบุว่า ครม. ได้พิจารณาทบทวนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน โดยรับฟังข้อเสนอจากหลายภาคส่วน เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ที่เสนอให้รัฐบาลเร่งปรับนโยบายเศรษฐกิจให้เท่าทันกับบริบทเศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการชะลอโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3-4 ว่า “ยังไม่บอกว่ายกเลิก เพราะสมมุติกลับมาทำอีก ในสถานการณ์ที่ดีขึ้น เศรษฐกิจที่ดีขึ้นแล้ว การกระตุ้นเศรษฐกิจรูปแบบนี้จะได้ผลมากที่สุด”
“สิ่งที่คณะกรรมการทบทวนกันมา คือ การแจกเงินหมื่น ยังไม่ใช่เครื่องมือที่ดีที่สุดกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีเรื่องกำแพงภาษีเข้ามา” นายกรัฐมนตรีกล่าว พร้อมชี้แจงว่าเหตุการณ์ใหม่ เช่น การปรับนโยบายภาษีของต่างประเทศ ส่งผลให้มาตรการบางอย่างไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ในขณะนี้
เมื่อถูกถามว่า การเปลี่ยนแผนใช้งบจะเป็นการ “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบว่า “เราต้องวางแผนว่าระยะสั้นนี้ที่จะได้ใช้เงินก้อนนี้ได้เลย สร้างประโยชน์อะไรกับประชาชนบ้าง และหลังจาก 30 ก.ย. ไปนี้ มีนโยบายใด ๆ ระยะกลาง ระยะยาวรองรับต่อจากก้อนนี้ที่ใช้ เพื่อไม่ให้ก้อนนี้ใช้ไปต่อหน้าแล้วก็หายไป มันใช้เพื่อเป็นการลงทุนในก้อนแรก เพื่อต่อนโยบายกลางและยาวต่อไป”
นางสาวแพทองธาร กล่าวเน้นว่า งบประมาณก้อนนี้มาจากงบกลาง และจะต้องใช้ให้หมดภายในวันที่ 30 ก.ย.68 โดยเงินจะลงไปสร้างโครงสร้างพื้นฐานและระบบที่ประชาชนทั้งประเทศได้รับประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่เพียงรายบุคคล พร้อมย้ำว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นการปรับตัวเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจในระยะสั้น และปูทางสู่การพัฒนาในระยะยาว
4 เสาหลักฟื้นเศรษฐกิจ แผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท
- โครงสร้างพื้นฐาน
- ด้านน้ำ: ป้องกันน้ำท่วม กักเก็บน้ำช่วงแล้ง พัฒนาระบบประปา และกระจายน้ำเพื่อภาคเกษตร
- ด้านคมนาคม: แก้ปัญหาคอขวดจราจร เพิ่มความปลอดภัย แก้จุดตัดถนนกับราง ปรับปรุงจุดพักรถบรรทุก และเชื่อมเมืองรอง
- การท่องเที่ยว
- ปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว สนามกีฬา สิ่งอำนวยความสะดวก
- ติดตั้ง CCTV ยกระดับความปลอดภัย
- กระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรองและในประเทศ
- ลดผลกระทบจากส่งออก–เพิ่มผลิตภาพ
- สนับสนุนเกษตรกรและ SMEs ใช้เทคโนโลยีเพิ่มผลผลิต
- สนับสนุนสินเชื่อเฉพาะผู้ส่งออก
- พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อส่งเสริมรัฐบาลดิจิทัลและการค้าระหว่างประเทศ
- เศรษฐกิจชุมชนและทุนมนุษย์
- สนับสนุนกองทุนหมู่บ้าน (SML) และชุมชนเมือง
- ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากและทุนมนุษย์ผ่านการศึกษา
- ตอบโจทย์ความต้องการของคนในพื้นที่โดยตรง