
ครม. เคาะ 481 โครงการ กระตุ้นเศรษฐกิจ 1.15 แสนล้าน หนุนจ้างงาน 7.4 ล้านตำแหน่ง
ครม. ไฟเขียวโครงการ-รายการ กระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ผ่าน 50 หน่วยงานภาครัฐ รวม อนุมัติ 8,939 รายการ ใช้งบกว่า 1.15 แสนล้านบาท มุ่งสร้างงานทั่วประเทศ ดัน GDP โต 0.4% เน้นกระจายงบลงสู่ภูมิภาคที่รายได้ต่อหัวต่ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 มิ.ย.68) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบข้อเสนอโครงการ-รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) จำนวน 50 หน่วยรับงบประมาณ จำนวน 481 โครงการ 8,939 รายการ ในกรอบวงเงิน 115,375 ล้านบาท เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นแต่ได้ผลในระยะยาว
นายพิชัย กล่าวต่อว่า นอกจากจะช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงผ่านการสร้างงานแล้ว การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับประเทศไทยในในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังผันผวน
สรุปรายละเอียดโครงการ ดังนี้
- ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้รับจัดสรรวงเงิน 85,000 ล้านบาท 34 โครงการ 7,986 รายการ
– โครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ วงเงิน 39,136 ล้านบาท ครอบคลุม 8 โครงการ 2,881 รายการ พัฒนาระบบน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค, พื้นที่เกษตรน้ำฝน และป้องกันน้ำท่วม 191,167 ไร่ พัฒนาและปรับปรุงระบบน้ำประปา ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 192.22 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่ได้รับประโยชน์ 4,791,974 ไร่ สร้างประโยชน์ 906,803 ครัวเรือน และจ้างงานได้ 73,807 คนต่อเดือน
– โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม วงเงิน 45,864 ล้านบาท 26 โครงการ 5,105 รายการ พัฒนาถนนเชื่อมเมืองรอง ความปลอดภัยทางถนน และโครงข่ายขนส่งในพื้นที่เกษตรกรรม แก้ไขปัญหาจราจร พื้นที่คอขวด และพื้นที่ขาดความเชื่อมโยง คาดว่าจะพัฒนาถนนได้ 417 กิโลเมตร ยกระดับเส้นทาง 1,689 แห่ง อำนวยความปลอดภัย 3,604 แห่ง และสร้างงาน 285,000 คน
- ด้านการท่องเที่ยว ได้รับจัดสรรวงเงิน 10,053 ล้านบาท 420 โครงการ 922 รายการ
เน้นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เมืองรอง และโครงสร้างพื้นฐานรองรับนักท่องเที่ยว เช่น ห้องน้ำ ป้ายบอกทาง และระบบ CCTV คาดว่า จะสนับสนุนให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 2,766,000 คน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 55,059 ล้านบาท และมีประชาชนได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงเส้นทางเพื่อการท่องเที่ยวประมาณ 7.6 ล้านคน
- ด้านลดผลกระทบภาคการส่งออก เพิ่มผลิตภาพ และดิจิทัล วงเงินรวม 11,122 ล้านบาท 10 โครงการ 10 รายการ
– ด้านการเกษตร วงเงิน 160 ล้านบาท 4 โครงการ 4 รายการ เพิ่มรายได้เกษตรกรไม่น้อยกว่า 6,000 บาทต่อไร่ต่อปีสถาบันเกษตรกร มีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 320,000 บาทต่อปี
– ด้านแรงงาน วงเงิน 10,000 ล้าน บาท 1 โครงการ 1 รายการ ช่วยบรรเทาผลกระทบให้แรงงานและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จากนโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ผ่านสินเชื่อให้สถานประกอบการกว่า 1,700 แห่ง รักษาการจ้างงาน 100,000 คน
– ด้านดิจิทัล วงเงิน 962 ล้านบาท 5 โครงการ 5 รายการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ ภาคเกษตรกรรม และการให้บริการประชาชน กว่า 20,000 ราย
- ด้านเศรษฐกิจชุมชนและอื่น ๆ วงเงิน 9,201 ล้านบาท 17 โครงการ 21 รายการ ได้แก่ กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ผ่านโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) วงเงิน 4,000 ล้านบาท, ทุนมนุษย์ด้านการศึกษา วงเงิน 3,641 ล้านบาท และพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน วงเงิน 1,560 ล้านบาท
นายพิชัย กล่าวอีกว่า ผลต่อเศรษฐกิจจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ผ่าน ครม. วันนี้เน้นกระจายไปยังภูมิภาคที่มีรายได้ต่อหัวต่ำ โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจังหวัดที่มีขนาดของเศรษฐกิจเล็ก โดยเม็ดเงินลงทุนสนับสนุนให้เกิดการจ้างงาน ไม่น้อยกว่า 7.4 ล้านคน วงเงิน 34,008 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% ของวงเงินรวมที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 115,375 ล้านบาท และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ คาดว่า GDP ขยายตัว 0.4% ทั้งนี้ “โครงการ” ยังมีลักษณะ “Forward และ Backward Linkage” เชื่อมโยงกับภาคเศรษฐกิจต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่น ก่อสร้าง, ค้าส่งค้าปลีก, การเงิน และบริการ ช่วยสร้างความแข็งแรงให้ระบบเศรษฐกิจทั้งระบบ
รองนายกฯ และ รมว.คลัง ชี้แจงว่า การเห็นชอบในครั้งนี้เป็นเพียง “กรอบอนุมัติ” โครงการ โดยทุกหน่วยงาน จะต้องเสนอแผนจัดสรรงบและผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามระเบียบราชการก่อนเริ่มใช้จ่ายจริง พร้อมย้ำว่า บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะพิจารณากำหนดนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จำเป็นและเหมาะสม เพื่อรองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจต่อไป