“เงินเฟ้อไทย” ก.ค. ลด 0.70% ต่อเนื่อง 4 เดือน เหตุราคาผัก-ผลไม้-พลังงาน ปรับตัวลง

กระทรวงพาณิชย์ คาดเงินเฟ้อเดือนสิงหาคมยังคงอยู่ในระดับต่ำ เช่นเดียวกับเดือนกรกฎาคม ที่ลดลง 0.70%  เนื่องจาก ผักสด ผลไม้สด และราคาพลังงานปรับลง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ส.ค.68) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) ของไทย ในเดือนกรกฎาคม 2568 อยู่ที่ 100.15 เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งอยู่ที่ 100.86 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง 0.70% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยปัจจัยหลักมาจากการลดลงอย่างต่อเนื่องของราคาสินค้าในกลุ่มผักสด ผลไม้สด และของใช้ส่วนบุคคล รวมถึงการลดลงของสินค้าในกลุ่มพลังงาน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงและค่ากระแสไฟฟ้า ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกและมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนมิถุนายน 2568 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยลดลง 0.25% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในอันดับที่ 10 จาก 140 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก และเป็นอันดับที่ 2 จาก 9 ประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ (บรูไน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา อินโดนีเซีย เวียดนาม และ สปป.ลาว)

นายพูนพงษ์ กล่าวต่อว่า ในเดือนกรกฎาคม 2568 มีการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าและบริการ ดังนี้ หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.72% เมื่อเทียบเป็นรายปี จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญในกลุ่มพลังงานและของใช้ส่วนบุคคล หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้น 0.84% เมื่อเทียบเป็นรายปี จากการปรับขึ้นของราคาสินค้าหลายรายการ โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป เนื้อสัตว์ และเครื่องดื่ม ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้น 0.84% เมื่อเทียบเป็นรายปี ชะลอลงจากเดือนมิถุนายน 2568 ที่เพิ่มขึ้น 1.06%

โฆษกกระทรวงพาณิชย์ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนสิงหาคม 2568 จะยังคงอยู่ในระดับต่ำเช่นเดียวกับเดือนกรกฎาคม 2568

ปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่

  1. ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างอ่อนแอ และความตึงเครียดจากความขัดแย้งของประเทศผู้ผลิตน้ำมันอยู่ในระดับจำกัด
  2. ภาครัฐยังคงดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่า Ft งวดเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2568 ลง 17 สตางค์ ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย
  3. ราคาผักสดและผลไม้สดอยู่ระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้าค่อนข้างมาก จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ระบบมากขึ้น
  4. ค่าบริการด้านการท่องเที่ยวปรับตัวลดลง ตามสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยชั่วคราวต่าง ๆ ประกอบกับผู้ประกอบการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อตอบรับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง

สำหรับปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่

  1. ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดและเครื่องประกอบอาหารมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนหน้า เช่น เนื้อสุกร มะพร้าว มะขามเปียก กาแฟ เกลือป่น และน้ำมันพืช เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หลายสินค้ามีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะราคาน้ำมันพืช และเนื้อสุกร
  2. อัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ (Reciprocal Tariffs) ต่อประเทศคู่ค้าต่าง ๆ มีความชัดเจนมากขึ้น เป็นอัตราที่ต่ำกว่าครั้งก่อนหน้า ซึ่งจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกทยอยปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ค่อย ๆ ปรับตัวสูงขึ้น

นายพูนพงศ์ กล่าวด้วยว่า กระทรวงพาณิชย์ ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ในปี 2568 จะอยู่ในช่วง 0.0 – 1.0% โดยค่ากลางอยู่ที่ 0.5% แต่พอสิ้นไตรมาสนี้อาจมีการทบทวนอีกครั้ง และคาดว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เงินเฟ้อน่าจะกลับมาขยายตัวเป็นบวก

 

Back to top button