
รัฐบาลหารือ 30 บริษัทระดับโลก ลงทุนไทย 5.5 แสนล้าน รับมือภาษีทรัมป์
รัฐบาลไทยเปิดวงหารือกับผู้บริหารจาก 30 บริษัทระดับโลก ที่ลงทุนในประเทศไทยกว่า 5.5 แสนล้านบาทในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พร้อมยืนยันความพร้อมในการรับมือการขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ที่จะมีผลกระทบต่อการค้าและเศรษฐกิจไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า วันนี้ (6 ส.ค.68) เวลา 10:00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการหารือกับผู้บริหารระดับสูงจาก 30 บริษัทชั้นนำระดับโลก ที่มีการลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศไทย ภายในงาน “Prime Minister Meets Investors: Confidence in Thailand’s Future – Prime Minister’s Dialogue with Global Investors” ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ในการหารือครั้งนี้ ผู้บริหารจาก 30 บริษัทชั้นนำใน 4 อุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง แผงวงจรพิมพ์ (PCB) ยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ดิจิทัล และอุตสาหกรรมอาหารและเทคโนโลยีชีวภาพ เข้าร่วม ได้แก่ บริษัท Sony, Samsung, Unimicron, BYD, Hyundai, Google, TikTok และ Nestlé โดยบริษัทเหล่านี้ได้ลงทุนและขยายการลงทุนในประเทศไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รวมมูลค่ากว่า 5.5 แสนล้านบาท สร้างการจ้างงานกว่า 53,000 ตำแหน่ง
นายภูมิธรรม กล่าวต้อนรับนักลงทุนว่า ถือเป็นโอกาสอันดีในการหารือกับผู้บริหารจากบริษัทชั้นนำที่ลงทุนในประเทศไทย พร้อมยืนยันว่าไทยพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนจากอัตราภาษีสหรัฐฯ ที่ประกาศขึ้นใหม่ โดยอัตราภาษี 19% สำหรับสินค้าจากไทย
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า รัฐบาลไทยจะเดินหน้าพัฒนากฎระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุน พัฒนาทักษะแรงงาน และเตรียมความพร้อมด้านพลังงานสะอาด รวมถึงการเร่งเจรจาเปิดตลาดการค้ากับประเทศต่างๆ ทั่วโลก พร้อมเสริมว่าไทยมีความตกลงทางการค้ากับ 24 ประเทศ และอยู่ระหว่างการเจรจากับอีกหลายประเทศ เพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการส่งออก
รัฐบาลไทยยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามแนวทาง ESG โดยเปิดให้บริการกลไก Utility Green Tariff (UGT1) ซึ่งส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและเอกสารรับรองการใช้พลังงานหมุนเวียน มีบริษัทสนใจยื่นขอใช้บริการแล้วกว่า 40 ราย และมีแผนเปิดตัว UGT2 ที่สามารถระบุแหล่งพลังงานได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงศึกษาธิการ ได้ร่วมมือกับภาคเอกชนในการเปิดหลักสูตรใหม่สำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมทั้งตั้งเป้าผลิตบุคลากรกว่า 80,000 คนภายใน 5 ปี
หลังจากการหารือ นายภูมิธรรมได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และผู้ผลิตแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ชั้นนำ 6 ราย มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 51,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีการจ้างงานกว่า 1,880 อัตราในระยะแรก และไม่น้อยกว่า 3,000 อัตราภายใน 5 ปี
รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายว่า การลงทุนจากบริษัทระดับโลกเหล่านี้ จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโต สร้างรายได้หมุนเวียนภายในประเทศหลายแสนล้านบาทต่อปี อีกทั้งยังช่วยต่อยอดไปยังภาคเกษตรกรรม การศึกษา และธุรกิจท้องถิ่นในพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม