
ธปท. เผยสินเชื่อแบงก์ Q2/68 หดตัว 0.9% ฟาก NPL พุ่งแตะ 5.5 แสนลบ.
ธปท. เผยสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 2/68 หดตัวต่อเนื่อง -0.9% แม้ธุรกิจใหญ่ยังโต แต่สินเชื่อ SMEs และครัวเรือนยังหดตัว ขณะที่ NPL เพิ่มเป็น 5.5 แสนล้านบาท สัดส่วนทรงตัวที่ 2.91% ด้าน Stage 2 ลดลงเหลือ 6.88% จากการปรับโครงสร้างหนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ (รวมเครือ) ไตรมาส 2/2568 ยังหดตัวต่อเนื่อง แต่ชะลอลงมาอยู่ที่ -0.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ยังขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่สินเชื่อธุรกิจ SMEs และสินเชื่ออุปโภคบริโภคหดตัวต่อเนื่อง ตามความเสี่ยงด้านเครดิตที่ยังอยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ ยอดคงค้างหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไตรมาส 2/2568 ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 554.9 พันล้านบาท ส่วนใหญ่จากสินเชื่อธุรกิจ ขณะที่ NPL ของสินเชื่ออุปโภคบริโภคลดลงทุกประเภท ส่งผลให้สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมยังทรงตัวที่ 2.91%
สำหรับสินเชื่อที่จัดอยู่ใน Stage 2 ปรับลดลงเกือบทุกพอร์ต โดยหลักเป็นผลจากการจัดชั้นหนี้ดีขึ้นของลูกหนี้ที่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้สัดส่วน Stage 2 ลดลงเหลือ 6.88%
นางสาวสุวรรณี ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ยังคงให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง พร้อมบริหารจัดการคุณภาพหนี้อย่างรอบคอบ โดยผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อน เป็นหลักจาก รายได้เงินปันผลตามปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองปรับเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความไม่แน่นอนจากผลกระทบนโยบายการค้าโลก ส่วน รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ปรับลดลงตามการลดอัตราดอกเบี้ยและปริมาณสินเชื่อที่หดตัว รวมถึงผลจากมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่ธนาคารลดดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้
อย่างไรก็ดี ธปท. ยังจับตาความเสี่ยงจากภาวะการเงินที่ตึงตัว และความสามารถในการชำระหนี้ของธุรกิจและครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่รายได้ฟื้นตัวช้าและมีภาระหนี้สูง รวมถึงผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกาที่อาจกดดันฐานะการเงินเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ไตรมาส 1/2568 ปรับลดลงจากไตรมาสก่อน ตามการชะลอตัวของสินเชื่อภาคครัวเรือน ส่วน สัดส่วนหนี้สินต่อ GDP ของภาคธุรกิจ ลดลงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่การก่อหนี้ทรงตัว
ทั้งนี้ ความสามารถในการทำกำไรของภาคธุรกิจโดยรวมลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ภาคการผลิตฟื้นตัวจากการเร่งผลิตเพื่อส่งออก แต่ภาคการท่องเที่ยวและบริการอื่น ๆ ยังคงเผชิญแรงกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง และกำลังซื้อในตลาดที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัว