
เงินเฟ้อไทย ส.ค. หด 0.79% รับมาตรการรัฐช่วยเหลือลดค่าครองชีพ
เงินเฟ้อไทยเดือนสิงหาคม ลดลง 0.79% สะท้อนผลมาตรการรัฐลดค่าครองชีพและราคาสินค้าหลายหมวดปรับลด ขณะกระทรวงพาณิชย์คงคาดการณ์ทั้งปีไว้ที่ 0.0–1.0%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 ก.ย.68) นางสาวณัฐิยา สุจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือนสิงหาคม 2568 เท่ากับ 100.14 เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2567 ซึ่งเท่ากับ 100.94 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง 0.79% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สาเหตุหลักมาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด โดยเฉพาะผักสด ผลไม้สด และไข่ไก่ เนื่องจากอุปทานในตลาดเพิ่มขึ้น รวมถึงกลุ่มพลังงาน ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง ตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก และค่าไฟฟ้า จากมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพของภาครัฐ ส่วนราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก
นางสาวณัฐิยา ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนกรกฎาคม 2568 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ของไทยลดลง 0.70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 7 จาก 138 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน 9 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (บรูไน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย กัมพูชา อินโดนีเซีย เวียดนาม สปป.ลาว)
สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเฉลี่ย 8 เดือน (มกราคม – สิงหาคม) ของปี 2568 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 สูงขึ้น 0.08%
แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนกันยายน ปี 2568 คาดว่าจะยังคงลดลง โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่ ภาครัฐยังคงดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่าเอฟที (Ft) งวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2568 มาอยู่ที่ 15.72 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่ากระแสไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย
ขณะที่ราคาผักสดและผลไม้สดอยู่ระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้าค่อนข้างมาก จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ระบบมากขึ้น และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และสภาวะการแข่งขันที่อยู่ในระดับสูง
สำหรับปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่ ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดและเครื่องประกอบอาหารที่มีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนหน้า เช่น เนื้อสุกร มะขามเปียก กะทิสำเร็จรูป กาแฟ เกลือป่น และน้ำมันพืช เป็นต้น อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงต้องติดตามคือ ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกอาจมีความผันผวนจากสถานการณ์ที่ยูเครนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุปทานของตลาดโลก
ทั้งนี้ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้ายังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2568 อยู่ระหว่าง 0.0 – 1.0% และค่ากลาง 0.5% เท่าเดิม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
“เงินเฟ้อไทย” ก.ค. ลด 0.70% ต่อเนื่อง 4 เดือน เหตุราคาผัก-ผลไม้-พลังงาน ปรับตัวลง