“ศุภวุฒิ” ผ่าความจริง 3 ปัจจัยทำบาทแข็ง ชี้เปรี้ยง “นโยบาย ธปท.” อาจเปิดช่องโหว่

สวนกระแสความเชื่อเรื่องเงินลึกลับ “ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ” ชี้การแข็งค่าของเงินบาทมาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ เงินเฟ้อไทยต่ำกว่าประเทศอื่น การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่อง และการแทรกแซงค่าเงินแบบค่อยเป็นค่อยไปของ ธปท. ที่อาจเปิดช่องให้นักลงทุนเก็งกำไรในระยะยาว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ก.ย.68) ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside ไทยแลนด์ เกี่ยวกับการปรับปรุงข้อมูลบัญชีดุลการชำระเงิน (Balance of Payments: BOP) ประจำปี 2567 รอบเดือนกันยายน ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งส่งผลให้ตัวเลขความคลาดเคลื่อนเชิงสถิติ (Net Errors and Omissions: NEO) ลดลงเหลือราว 2.3 แสนล้านบาท ซึ่งไม่ได้มีส่วนทำให้เงินบาทแข็งค่า

ดร.ศุภวุฒิ กล่าวว่า การชี้แจงของ ธปท. ดังกล่าวถือว่าเชื่อถือได้ เพราะ 3 เหตุผลที่ใช้อ้างอิงมาจากข้อมูลที่หน่วยงานต่าง ๆ รายงานเข้ามาจริง ทั้งนี้ ตัวเลข 2.3 แสนล้านบาท ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่า เนื่องจากมีเพียงราว 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ถือว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับมูลค่าการส่งออกหรือนำเข้ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจคือการขยายตัวของ สินเชื่อการค้า (Trade Credit) หรือ เจ้าหนี้การค้า ที่ผู้นำเข้ากู้เงินและนำเข้ามา เพิ่มขึ้นกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนว่า “ผู้นำเข้า” กู้เงินสกุลดอลลาร์ล่วงหน้า เพราะคาดว่าเงินบาทจะยังแข็งค่า หรืออาจมีการเก็งกำไรแฝงอยู่ด้วยหรือไม่

อีกประเด็นคือ เงินบาทแข็งค่ามากแต่ยังไม่ได้รับการแก้ปัญหา ทั้งที่เป็นความรับผิดชอบของ ธปท. โดยที่ผ่านมาเงินบาทเคยอ่อนค่าอยู่ที่ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในเดือนเมษายน 2567 แต่ปัจจุบันมาอยู่ที่ไม่ถึง 32 บาทต่อดอลลาร์ คิดเป็นการแข็งค่าราว 17% ในรอบ 17 เดือน แม้ ธปท. ชี้แจงที่มาที่ไปได้บางส่วน แต่ยังไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด เพราะยังมีปัจจัยที่ไม่สามารถระบุได้ โดยส่วนหนึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการ “ฟอกเงิน” หรือไม่ และอีกส่วนจากการแข็งค่าของเงินบาท

ส่วนที่มีการกล่าวว่าเงินบาทแข็งเพราะดอลลาร์อ่อนนั้น ดร.ศุภวุฒิ ชี้ให้เห็นตัวเลขอีกส่วนว่า หากดูอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทเทียบกับเงินสกุลหลักคู่ค้าของประเทศไทยประมาณกว่า 10 ประเทศ ในช่วงเดือนเมษายน 2567 – สิงหาคม 2568 เงินบาทแข็งค่าไปแล้ว 10% ดังนั้นเมื่อดูตัวเลขตรงนี้ ส่วนดอลลาร์อ่อน 7% แต่เทียบกับสกุลอื่นคือ 10%

เมื่อ “เงินปริศนา” ไม่ใช่สาเหตุทำให้เงินบาทแข็ง ดร.ศุภวุฒิ ชี้ว่าสาเหตุหลักมาจาก 3 ปัจจัย ได้แก่

  1. เงินเฟ้อของไทยต่ำกว่าประเทศอื่นมากโดยเงินเฟ้อคือการเสื่อมค่าของเงิน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บาทเสื่อมค่าปีละ 1.1% ขณะที่เงินดอลลาร์เสื่อมค่าปีละ 2.85% ดังนั้นโดยเฉลี่ย เงินดอลลาร์เสื่อมค่ามากกว่าบาทไทยประมาณ 1.75% แต่เมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ บาทแข็งค่า เพราะมีลักษณะที่เรียกว่า “มูลค่าของเงินจะต้องเท่ากัน”
  2. เงินทุนไหลเข้าตลอด เนื่องจากไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมาโดยตลอด ส่วนหนึ่งเพราะกำลังซื้อในประเทศอ่อนแอ จึงต้องขายสินค้าไปต่างประเทศ
  3. การแทรกแซงค่าเงินของ ธปท. ที่ดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป (Reactive) เพื่อไม่ให้เงินบาทแข็งเร็ว แต่พอแทรกแซงเช่นนี้ ระยะยาวทำให้คนในตลาดรู้ว่าแทรกแซงแบบนี้จะกำไร หากเงินบาทจะแข็งจาก 35 ไป 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทุกคนที่ถือเงินบาทไปเรื่อย ๆ ก็จะได้กำไรตลอดทาง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ธปท. แจง “เงินปริศนา” ปรับ NEO ปี 67 เหลือ 7.3 พันล้านดอลลาร์ ไม่กดดันค่าเงินบาท

“เอกนิติ” สั่งคลังตั้งทีมไล่ล่า “เงินปริศนา” ล้นแสนล้าน หวั่นโยงธุรกิจสีเทา-บาทแข็ง

Back to top button