“อนุทิน” สั่งเตรียมสต๊อกข้าว 5 แสนตัน ส่งออกจีน คาดลงนามเดือนหน้า

นายกฯ สั่งการในที่ประชุม ครม. เตรียมสต๊อกข้าว 5 แสนตันส่งออกจีน คาดลงนามเดือนธันวาคม พร้อมกำชับหน่วยงานชี้แจงเดินหน้าเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ไม่สะดุด กำชับกระทรวงกลาโหมดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ธ.ค.68) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีข้อสั่งการดังนี้

นายกรัฐมนตรีได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงการที่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 13-17 พฤศจิกายน 2568 ตามคำทูลเชิญของ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ด้วยทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีน เพื่อทรงเจริญพระราชไมตรีและกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นวาระการเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบรอบ 50 ปี

นายกรัฐมนตรี สั่งการมอบหมายเพิ่มเติมให้กระทรวงต่าง ๆ ที่ได้ลงนามกรอบความร่วมมือกับจีนไปแล้วหรือที่กำลังจะลงนามทำความตกลงในอนาคต ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง เช่น การอำนวยความสะดวกทางด้านการค้า การตรวจสอบสินค้า การขนส่ง การดึงดูดการค้าการลงทุน เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประเทศและประชาชน

โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำกับดูแลการตรวจสอบ กักกัน และการออกใบรับรองสุขอนามัยสินค้าต่าง ๆ ทั้งสินค้าพืช ปศุสัตว์ และประมง ที่จะส่งออกไปยังจีน ให้เป็นไปตามมาตรฐาน ปลอดภัย สามารถส่งออกได้อย่างต่อเนื่อง และให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เร่งแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย

นอกจากนี้ ตามที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กราบบังคมทูลว่า ทางจีนจะซื้อข้าวจำนวน 500,000 ตัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ เตรียมความพร้อมในรายละเอียดที่จะทำการลงนาม คาดว่าการลงนามจะมีในเดือนธันวาคม และได้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เตรียมสต๊อกข้าวที่มีคุณภาพตามมาตรฐานที่จีนต้องการไว้ให้พร้อมสำหรับการส่งออก เนื่องจากเป็นลักษณะรัฐต่อรัฐ (G2G)

นายกรัฐมนตรี ยังให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ ที่กรุงเทพฯ พร้อมเตรียมการต้อนรับนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน รวมถึงความพร้อมในด้านต่าง ๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมเกียรติ และเหมาะสมด้วย

ด้านสถานการณ์ไทย–กัมพูชา ตามที่นายกรัฐมนตรี ได้มีการชี้แจงผ่านทางเฟซบุ๊กถึงผลการหารือทางโทรศัพท์กับนายอันวาร์ อิบบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จึงขอฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยกันชี้แจงและทำความเข้าใจ ในเรื่องสำคัญ โดยให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงและเน้นย้ำให้ประชาชน เข้าใจว่า ทางประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันว่า ไม่ได้นำประเด็นการระงับปฏิญญาของไทยมาเกี่ยวข้องกับการเจรจาภาษีทางการค้า ระหว่างไทยกับสหรัฐ ที่กำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับกับกระทรวงกลาโหม ให้เร่งดำเนินการเก็บกู้ทุนระเบิดเพื่อมนุษยธรรม เพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยรักษาคำมั่นที่ให้ไว้กับทุกฝ่าย

รัฐตั้งเป้าดันราคาข้าวหอมมะลิ 15,000 บาท/ตัน เป็นของขวัญปีใหม่

นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้หารือสถานการณ์ราคาข้าว ซึ่งขณะนี้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ประมาณ 13,500 บาทต่อตัน สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินหน้ามาตรการชะลอการขายข้าว เพื่อลดปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาด ส่งผลให้ราคาข้าวโดยรวมปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิที่ขยับขึ้นอย่างชัดเจน

รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งเป้าดันราคาข้าวหอมมะลิให้แตะ 15,000 บาทต่อตัน เพื่อเป็น “ของขวัญปีใหม่” ให้ประชาชน โดยมองว่าสถานการณ์ราคาปัจจุบันถือเป็นสัญญาณบวกสำหรับเกษตรกร เนื่องจากราคาข้าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

“อนุทิน” เผย “สี จิ้นผิง” กราบบังคมทูลต่อหน้าพระพักตร์ “ในหลวง” จีนซื้อข้าวไทย 5 แสนตัน

Back to top button