“เอกนิติ” เผยเบื้องหลัง “Quick Big Win” คลอดมาตรการ 5 เสา เกือบครบ

รองนายกฯ “เอกนิติ” เปิดเบื้องหลังการออกแบบนโยบายเศรษฐกิจ ภายใต้ “Quick Big Win” ระบุทำงานแข่งเวลา กว่า 2 เดือน เร่งผลักดันมาตรการ 5 เสาหลัก 1 ฐานราก สามารถคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เกือบครบ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ธ.ค.68) นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Ekniti Niti” เปิดเผยเบื้องหลังการออกแบบและขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจภายใต้กรอบ Quick Big Win” ในช่วงที่ผ่านมา

นายเอกนิติ ระบุว่า จากบทบาทผู้ดำเนินการ (Executor) ในฐานะข้าราชการประจำ สู่การเป็นผู้กำหนดนโยบาย (Policy maker) ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ส่งผลให้ภาระงานและรูปแบบการทำงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยช่วงเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา ต้องทำงานแข่งกับเวลา ภายใต้กรอบ 4 เดือน เพื่อผลักดันมาตรการ 5 เสาหลัก 1 ฐานราก ภายใต้ชื่อ “Quick Big Win” เพื่อเป้าหมาย “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” อย่างไรก็ตาม เวลาที่สามารถทำงานเชิงปฏิบัติจริงมีประมาณ 2 เดือนกว่า ซึ่งสามารถผลักดันมาตรการต่าง ๆ ได้เกือบครบตามที่ตั้งใจไว้

ทั้งนี้ นายเอกนิติ ได้สะท้อนบทเรียนและแนวคิดในการออกแบบนโยบาย “Quick Big Win” ไว้ 5 ประเด็นหลัก

ประเด็นแรก การออกแบบนโยบาย “Quick Big Win” โดยระบุว่า แนวคิดดังกล่าวไม่ใช่คำใหม่ แต่เคยใช้เป็นกลไกขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงภายในกระทรวงการคลังมาก่อน และเมื่อต้องออกแบบนโยบายเศรษฐกิจที่ต้องเห็นผลภายในระยะเวลา 4 เดือน จึงนำแนวคิดดังกล่าวมาใช้ร่วมกับทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายเป็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมย้ำว่า นโยบายต้องทำได้จริง จับต้องได้ เห็นผลเป็นรูปธรรม คำนึงถึงทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม ธุรกิจ อุตสาหกรรม การเงิน ตลาดทุน และการคลัง โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าของทรัพยากรและวินัยการคลังควบคู่กันไป ตัวอย่างเช่น มาตรการคนละครึ่งพลัส (เสาที่ 1) ที่มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ควบคู่กับการยกระดับทักษะร้านค้า เพื่อสร้างผลในระยะยาวและกระจายประโยชน์ทั่วประเทศ

ประเด็นที่สอง หัวใจของการขับเคลื่อนนโยบายทุกเสาหลัก คือ การบูรณาการ (Agile) ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยระบุว่า การบูรณาการต้องเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบนโยบาย ไม่ใช่เฉพาะช่วงการปฏิบัติเท่านั้น ซึ่งการออกแบบนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน (เสาที่ 2) สภาพคล่องของ SME (เสาที่ 3) และการส่งเสริมการออมรองรับสังคมสูงวัย (เสาที่ 4) มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ทั้งกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย NCB สมาคมธนาคาร สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) การแลกเปลี่ยนข้อมูลและรับฟังข้อจำกัดตั้งแต่ต้นจะนำไปสู่การบูรณาการเชิงนโยบาย และต่อยอดสู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพ

ประเด็นที่สาม การออกแบบนโยบายต้องรับฟังปัญหาที่แท้จริงของผู้ประกอบการ โดยในเสาที่ 5 การลงทุนเพื่ออนาคต ได้มีการรับฟังอุปสรรคของนักลงทุนที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งนำไปสู่การจัดทำโครงการ Thailand Fast Pass เพื่อปลดล็อกกฎระเบียบและเร่งรัดโครงการลงทุนขนาดใหญ่ รวมถึงแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานทักษะ ผ่านการพัฒนาหลักสูตรร่วมกับภาคเอกชนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด

ประเด็นที่สี่ การออกแบบและดำเนินนโยบายเศรษฐกิจทั้งหมดต้องตั้งอยู่บนวินัยการเงินการคลัง โดยมีการปรับแผนการคลังระยะปานกลาง เพื่อลดการขาดดุลภาครัฐ การคืนหนี้ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รวมถึงการออกหลักเกณฑ์ตามมาตรา 28 เพื่อจำกัดการใช้นโยบายกึ่งการคลังให้มีความรัดกุมและรอบคอบมากขึ้น

ประเด็นสุดท้าย นายเอกนิติ ระบุว่า นโยบายที่จะเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด ไม่เพียงต้องทำได้จริงและตอบโจทย์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวเท่านั้น แต่ต้องอาศัยเวลาและความต่อเนื่อง เพื่อให้มาตรการต่าง ๆ เกิดผลเป็นรูปธรรม

นายเอกนิติ ระบุด้วยว่า การขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว เกิดขึ้นจากความร่วมมือของผู้บริหารและข้าราชการในหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สศช. BOI กระทรวงพาณิชย์ รวมถึงผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง พร้อมขอบคุณทีมงานที่ร่วมผลักดันการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นายเอกนิติ ได้กล่าวขอบคุณ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ให้โอกาสเข้ามาร่วมดูแลเศรษฐกิจของประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านดังกล่าว

Back to top button