AH คว้า CGR 5 ดาวระดับ “ดีเลิศ” 2 ปีซ้อน

AH คว้า CGR 5 ดาวระดับ “ดีเลิศ” 2 ปีซ้อน ประจำปี 65 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย ด้านโบรกปรับประมาณการกำไรปกติปี 65 ขึ้นจากเดิม 14% มาอยู่ที่ 1,298 ล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” 38.60 บาท   


นายเย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการหลังการขาย และธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ และ IoT (Internet of Things)  เปิดเผยว่า บริษัทได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการ ประจำปี 2565 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2022 : CGR) ระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) ประจำปี 2565 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ด้วยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

โดย AH เป็น 1 ใน 750 บริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมการประเมิน สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทมีพัฒนาการด้านกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างต่อเนื่อง และยังคงมุ่งมั่นดำเนินกิจการ เพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาลต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (ESG) และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสีย นักลงทุน และนักลงทุนสถาบัน ด้วยผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ CGR เป็นการสำรวจข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนไทย แบ่งเกณฑ์การประเมินออกเป็น 5 หมวดหลัก ได้แก่ สิทธิของผู้ถือหุ้น, การปฏิบัติต่อ ผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน, การคำนึงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย, การเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ ซึ่งผลการประเมินดังกล่าวถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีเป็นประโยชน์ต่อบริษัทจดทะเบียนในการพัฒนาการดำเนินธุรกิจ และประโยชน์ต่อผู้ลงทุนในการนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจในการลงทุน

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 3/65 ของ AH เป็นอีกไตรมาสที่เห็นการเติบโตขึ้นทั้งรายได้และกำไรสุทธิ (ที่ไม่รวมรายการพิเศษ) โดยหากเทียบกับปีก่อนได้รับผลดีจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัวเพราะไม่มีการล๊อคดาวน์ (การผลิตเดือนก.ค.-ส.ค.65 เพิ่มขึ้น 39% จากปีก่อน) และเทียบกับไตรมาส 2 ที่เป็นไตรมาสที่มีวันหยุดมาก

นอกจากนี้ FORD ที่มีสัดส่วนรายได้รวมประมาณ 6% ของ AH มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 113%จากปีก่อน, 76% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (ส่วน ISUZU ที่มีสัดส่วนประมาณ 30% ของรายได้รวมมียอดขายเพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อน และ 2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน) ซึ่งมาช่วยชดเชยรายได้จากโปรตุเกสที่คาดว่าจะเห็นการชะลอตัวลงจากไตรมาส 2/65 เพราะเป็นช่วงที่มีวันหยุดค่อนข้างมากได้

โดยปัจจัยดังกล่าวทำให้คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 393 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 68% จากปีก่อน และลดลง 4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษจะเติบโต 210% จากปีก่อน และ 40% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่รายได้คาดไว้ที่ 6,755 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากปีก่อน, และเพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ทั้งนี้จากกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 3/65 ที่คาดไว้เกือบ 400 ล้านบาท ทำให้กำไรปกติในช่วง 9 เดือนแรกปี 65 สูงถึง 1,080 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 95% ของกำไรปกติเดิมที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ที่ 1,142 ล้านบาท ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับกำไรปกติในปี 65 ขึ้นจากเดิม 14% มาอยู่ที่ 1,298 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% จากปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากปีก่อน และปรับรายได้ขึ้น 4% มาอยู่ที่ 24,945 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อน จึงแนะนำ “ซื้อ” AH โดยใช้มูลค่าพื้นฐานเป็นปี 66 ที่ 38.60 บาท จากเดิม 32 บาท

Back to top button