
TOP คว้ารางวัล Climate Action Excellence ตอกย้ำผู้นำด้านจัดการสภาพภูมิอากาศครบวงจร
TOP คว้ารางวัล Climate Action Excellence จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านจัดการสภาพภูมิอากาศครบวงจร เพื่อเดินหน้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ Low Carbon Society
นายพิงค์ ทวีทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายความยั่งยืนองค์กร บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP รับมอบรางวัล Climate Action Excellence ซึ่งเป็นรางวัลระดับสูงสุดของรางวัล Climate Change Awards 2025 จากสถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยมีนายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ กรรมการบริหารและประธาน Climate Change Pillar สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นประธาน ภายในงาน Climate Change Forum 2025 ณ อาคารเอ็ม ทาวเวอร์
ทั้งนี้ รางวัลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ไทยออยล์เป็นผู้นำการมุ่งส่งเสริมและจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ครบทุกมิติอย่างเป็นรูปธรรมและมุ่งขยายผลสู่ Low Carbon Society โดยมีการกำหนดนโยบาย เป้าหมาย แผนการดำเนินงาน โครงสร้างการบริหารจัดการ และการพัฒนาองค์ความรู้ให้แก่บุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามกลยุทธ์การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) จาก 1) การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตในปัจจุบัน (Cut Down Existing Emission) 2) การชดเชยก๊าซเรือนกระจกที่เหลือ (Compensate Residual Emission) และ 3) การควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอนาคต (Control Future Emission) รวมถึงมีระบบการเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนมีการเปิดเผยข้อมูลและสนับสนุนให้ผู้มีส่วนได้เสียมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
อนึ่งไทยออยล์เป็นผู้ประกอบธุรกิจการโรงกลั่นนํ้ามันแบบคอมเพล็กซ์ (Complex Refinery) และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2504 โดยมีธุรกิจหลักคือ การกลั่นนํ้ามันปิโตรเลียม ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 275,000 บาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ ไทยออยล์มีระบบการบริหารจัดการที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ (Operational Excellence) โดยบริหารงานเป็นกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงธุรกิจ ทั้งธุรกิจการกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน โดยร่วมวางแผนการผลิตก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนต่ำ ขณะเดียวกันมีคุณภาพสูงในระดับโรงกลั่นชั้นนำ (Top quartile) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้ได้เปรียบเชิงต้นทุนการผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนั้น ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลากหลาย เช่น ธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจสารทำละลาย ธุรกิจบริหารการขนส่ทางท่อ ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาด และธุรกิจ New S-Curve