
88TH ปลื้ม! นักลงทุนแห่จอง “ไอพีโอ” เกลี้ยง จ่อเทรด 3 ต.ค.นี้ ผู้ถือหุ้นเดิมล็อกหุ้น 100%
88TH สุดปลื้ม นักลงทุนแห่จองหุ้น IPO หมดเกลี้ยง 59.5 ล้านหุ้น ชูจุดแข็งธุรกิจสุขภาพและความงามครบวงจร นำโดย LYO, HONE และ ver.88 ผลงานครึ่งปีแรกกำไรโต 205% ผู้ถือหุ้นเดิมล็อกหุ้น 100% หนุนความเชื่อมั่น พร้อมเทรด mai 3 ต.ค.นี้
นางสาววีรยา ศรีวัฒนะ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น บริษัท 88(ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ 88TH เปิดเผยว่า หลังเปิดจองซื้อหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) วันที่ 25-26 และ 29 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา
โดยบริษัทได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างท่วมท้น จองซื้อหุ้น IPO หมดทั้งจำนวนที่เสนอขายไม่เกิน 59.50 ล้านหุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 5.45 บาท มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท โดยคาดจะนำหุ้นเข้าซื้อขายในในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 3 ตุลาคม 2568 ซึ่งจะอยู่ในหมวดธุรกิจสินค้าอุปโภคและบริโภค โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “88TH”
ทั้งนี้ราคาเสนอขายหุ้นละ 5.45 บาท คำนวณจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2567 ถึงไตรมาส 2 ปี 2568) ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 89.72 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วหลังการเสนอขายในครั้งนี้เท่ากับ 212,500,000 หุ้น จะได้กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.42 บาท และคิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น ประมาณ 12.91 เท่า
การเสนอขายในครั้งนี้ สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่ง รวมถึงมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งด้านรายได้และความสามารถในการทำกำไร ขณะที่ภาพรวมการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีสัญญานปรับตัวดีขึ้น เชื่อมั่นว่า “88TH” จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากในตลาด mai เพราะแบรนด์มีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะไลโอจะได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง
นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า “88TH” จะเป็นหุ้นไอพีโอที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน ด้วยจุดเด่นการเป็นหุ้นที่มีการเติบโตสูง (Growth Stock) โดยจะเห็นได้จากผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้า ราคาสินค้าจับต้องได้ ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันทั้งในแง่ของการขยายตลาดและผลประกอบการ จากความแข็งแกร่งของแบรนด์ LYO ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ที่เป็นผู้นำตลาดในฐานะแบรนด์คนไทย ทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ความงามครบวงจร โดยมีแบรนด์เครื่องสำอาง ver.88 และ แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว Hone
นอกจากนี้หุ้นสามัญที่เสนอขายครั้งนี้จำนวนไม่เกิน 59.5 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 42.50 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Ilkano Pte. Ltd จำนวนไม่เกิน 17.00 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 8 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ซึ่งผู้ถือหุ้นเดิม Lock up หุ้นทั้งหมด 100%
นางสาวนพรัตน์ มาลัยวงค์ ในฐานะผู้ก่อตั้งและกรรมการ 88TH หรือ “88TH” เปิดเผยถึงความสำเร็จในการจองซื้อหุ้นอย่างอบอุ่น สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ “88TH” เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตต่อเนื่อง ภายหลังเข้าเป็นน้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เอ็ม เอ ไอ ซึ่งสามารถทำได้ในช่วงที่ผ่านมา โดยในปี 2565 มีรายได้จาก 269 ล้านบาท เป็น 478 ล้านบาทในปี 2567 เฉลี่ยเติบโตกว่า 30% ต่อปี (CAGR) และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 13 ล้านบาทในปี 2565 เป็น 56 ล้านบาทในปี 2567 ด้วยอัตรากำไรสุทธิ (NPM) 12%
นางณัฐฐินี ชวนะนิกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 88TH หรือ “88TH” เปิดเผยว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ลงทุน และหวังว่าจะได้รับการต้อนรับจากนักลงทุนในวันแรกของการซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 3 ตุลาคม 2568 นอกจากนี้นักลงทุนสามารถเป็นเจ้าของหุ้น“88TH” ผ่านการซื้อขายบนกระดาน ซึ่งทีมผู้บริหารตั้งเป้าว่าเป็นหุ้นน้องใหม่ที่มีการเติบโตโดดเด่น (Growth Stock) ควบคู่กับการเป็นหุ้นปันผล (Dividend Stock) โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ ตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท และหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและข้อบังคับบริษัทกำหนดไว้แต่ละปี
นายชนพัฒน์ ขาวอุบล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน บมจ. 88(ไทยแลนด์) หรือ “88TH” กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกปีนี้ สะท้อนความแข็งแกร่งและการดำเนินงานที่มีศักยภาพ โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการรวม 306.80 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการรวม 210.79 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 96.01 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 45.55 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่กำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องแบบก้าวกระโดด โดยมีกำไรสุทธิ 50.45 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 16.50 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 33.95 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นมากถึง 205.74 เปอร์เซ็นต์