
“พรีเมียร์ลีก” จับมือ JAS-MONO เปิดตัวแคมเปญ “Boot Out Piracy”
พรีเมียร์ลีกจับมือ JAS และ MONO เปิดตัวแคมเปญ “Boot Out Piracy” ครั้งที่ 4 ในไทย เตือนอันตรายจากการรับชมสตรีมละเมิดลิขสิทธิ์ เสี่ยงถูกมัลแวร์ โจรกรรมข้อมูล และภัยไซเบอร์
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ร่วมกับ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS และ บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO ผู้ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญ “Boot Out Piracy” ประจำปี 2025/26 เพื่อสร้างความตระหนักแก่แฟนบอลไทยถึงอันตรายจากการรับชมการถ่ายทอดสดที่ละเมิดลิขสิทธิ์
แคมเปญนี้จัดขึ้นในประเทศไทยเป็นปีที่สี่ โดยมีนักเตะชื่อดังระดับโลก อาทิ มาร์ติน โอเดการ์ด (อาร์เซนอล), อามาด ดิยัลโล (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), ราอูล ฆิเมเนซ (ฟูแล่ม), แดน เบิร์น (นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด) และแมตตี้ แคช (แอสตัน วิลล่า) ร่วมรณรงค์ให้แฟนบอลรับชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอย่างถูกกฎหมาย ปลอดภัยจากการโจรกรรมข้อมูลและอาชญากรรมทางไซเบอร์
นายเควิน พลัมบ์ ที่ปรึกษาทั่วไปของพรีเมียร์ลีก กล่าวว่า การดูฟุตบอลผ่านช่องทางละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ได้มีเพียงปัญหาภาพไม่ชัด แต่ยังเสี่ยงต่อการถูกมัลแวร์ ฟิชชิ่ง และการหลอกลวงทางไซเบอร์ ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล พร้อมย้ำว่าพรีเมียร์ลีกยังคงทำงานร่วมกับพันธมิตรทั่วโลกในการปราบปรามผู้ให้บริการสตรีมเถื่อนอย่างต่อเนื่อง
ด้าน ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า JAS มีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับพรีเมียร์ลีกและ MONO ในการนำเสนอฟุตบอลระดับโลกให้กับแฟนบอลชาวไทยผ่านช่องทางถูกลิขสิทธิ์ พร้อมมุ่งมั่นปกป้องผู้บริโภคจากความเสี่ยงทางดิจิทัล และร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเพื่อต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์
ผลการศึกษาของศาสตราจารย์พอล วัตเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ระบุว่า เว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์มีความเสี่ยงด้านมัลแวร์และสแกมมากกว่าเว็บไซต์ถูกลิขสิทธิ์ถึง 6 เท่า โดยกว่า 56% ของเว็บไซต์เถื่อนมีความเสี่ยงทางไซเบอร์ และโฆษณา 100% เป็นเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัย ทั้งนี้ อุปกรณ์สตรีมมิ่งผิดกฎหมาย (ISDs) ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมข้อมูลและการสืบสวนทางกฎหมาย
สำหรับแคมเปญ “Boot Out Piracy 2025/26” ได้เปิดตัวแล้วในมาเลเซียเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และจะขยายไปยังสิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ฮ่องกง และประเทศไทยภายในเดือนตุลาคมนี้ ผ่านช่องทางการถ่ายทอดสดและโซเชียลมีเดีย เพื่อสื่อสารกับแฟนบอลโดยตรงถึงการรับชมอย่างปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย