RPH จำนวนผู้ป่วยฟื้นตัวแรง หนุนกำไร Q2/60 แจ่ม แนะซื้อเป้า5.4บ.

RPH จำนวนผู้ป่วยฟื้นตัวแรง หนุนกำไร Q2/60 แจ่มแนะซื้อเป้า5.4บ.


บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(7ก.ค.) ว่า บริษัท โรงพยาบาลราชพฤกษ์ จำกัด (มหาชน) หรือ RPH ปรับคำแนะนำเป็นซื้อเก็งกำไร (จากเดิม ขาย) เนื่องจากกำไรไตรมาส 2/60 ที่คาดว่าจะแข็งแรง ทั้งนี้ด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด DCF จึงปรับเพิ่มราคาเป้าหมายจาก 4.60 บาทมาเป็น 5.40 บาท (อ้างอิงจากค่า WACC ที่ 7.1% และ terminal growth rate ที่ 2.0%)

โดย RPH เป็นโรงพยาบาลแห่งเดียวภายใต้การวิเคราะห์ของที่มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรเพิ่มขึ้นเทียบไตรมาสก่อนหน้า ในไตรมาส 2/60 แม้ว่าจะอยู่ในช่วงโลว์ซีซั่นก็ตาม (กำไรสุทธิ เทียบไตรมาสก่อนหน้า ของกลุ่มปรับตัวลดลง) และคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/60 ซึ่งเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น

ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเปิดตึกโรงพยาบาลใหม่ยังไม่น่าจะเกิดขึ้นก่อนไตรมาส 4/60 หรือ 1/61 แม้ว่าปัจจุบัน RPH ซื้อขายอยู่ที่ค่า PER ปี 2560 ที่ค่อนข้างสูง ที่ 46.3 เท่า (เทียบกับค่าเฉลี่ยโลกที่ 35.5 เท่า) ค่า PBV ค่อนข้างต่ำที่ 2.1 เท่า (เทียบกับค่าเฉลี่ยโลกที่ 4.5 เท่า)

ปรับกำไรหลักเพิ่มขึ้น 17% ในปี 2560 มาอยู่ที่ 58 ล้านบาท และ 4% ในปี 2561 มาอยู่ที่ 53 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยในไตรมาส 2/60  โดยเราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรขั้นต้นที่ 70 bps มาอยู่ที่ 31.7% ในปี 2560 และ 10bps มาอยู่ที่ 30.9% ในปี 2561 โดยคาดการณ์สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ปรับลด 40 bps มาอยู่ที่ 15.0% ในปี 2560 และ 10 bps มาอยู่ที่ 12.8% ในปี 2561 หากแต่เรายังคงคาดว่ากำไรหลักต่อหุ้น จะปรับตัวลดลง 40% ในปี 2560 เนื่องจากผลของจำนวนหุ้นที่มากขึ้นจาก IPO

RPH เป็นโรงพยาบาลแห่งเดียวที่อยู่ภายใต้การวิเคราะห์ของเราทั้งที่การเติบโของกำไรหลักเติบโตทั้ง เทียบช่วงเดียวกันขอปีก่อน และ เทียบไตรมาสก่อนหน้า ในไตรมาส 2/60 (เนื่องจากฐานที่ต่ำในไตรมาส 1/60)  เราคาดว่ากำไรอยู่ที่ 15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เทียบช่วงเดียวกันขอปีก่อน และ 46% เทียบไตรมาสก่อนหน้า  หนุนโดยจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นทั้ง เทียบช่วงเดียวกันขอปีก่อน และ เทียบไตรมาสก่อนหน้า (โดยจำนวนผู้ป่วยปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยทั้งจำนวนผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก) อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 100 bps เทียบช่วงเดียวกันขอปีก่อน และ 180 bps เทียบไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ 31.6% โดยความต้องการทางการแพทย์ที่ขยายตัวจะหักลบกับผลกระทบจากอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย ส่งผลให้กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น 10 bps เทียบช่วงเดียวกันขอปีก่อน และ 410 bps เทียบไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ 14.9%

คาดว่าจำนวนผู้ป่วยจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่ในไตรมาส 3/60 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น อัตราการใช้บริการคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 90% (เราคาดว่าอยู่ที่ 85% ในไตรมาส 2/60) นอกจากจำนวนผู้ป่วยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว อัตราค่าบริการที่ปรับเพิ่มขึ้น 5-7% ตั้งแต่เดือน ม.ค. จะช่วยหนุนรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิ ดังนั้นจึงคาดว่ากำไรหลักจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เทียบช่วงเดียวกันขอปีก่อน และเทียบไตรมาสก่อนหน้า ในไตรมาสนี้

Back to top button