ITD แนวโน้มกำไร Q2/58 ดีขึ้นโบรกฯ ปรับเป้าหมายใหม่ 12 บ.

โบรกเกอร์แนะนำ Trading Buy ประเมินราคาเป้าหมาย โดยวิธี Sum of The Part คือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง บนฐาน P/BV + 2SD = 2.9x ได้เท่ากับ 8.50 บาท บวกด้วยการเก็งกำไรในธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งยังมีความเสี่ยง คือ เหมืองโปแตส 2 บาท จากทั้งหมด 13 บาท และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในทวาย 1.50 บาท จาก 4.05 บาท จะได้ราคาเป้าหมายเท่ากับ 8.5+2+1.5 = 12 บาท


บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (19 พ.ค.) ว่าบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ผลประกอบการไตรมาส 1/58 มีผลขาดทุนสุทธิเท่ากับ 510 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนที่มีกำไร 14 ล้านบาท และ ปีก่อนที่มีกำไร 167 ล้านบาท เนื่องจากมีรายการพิเศษ คือ ขาดทุนจากการตั้งสำรองหนี้สูญของบริษัทย่อย ITD Cem ในประเทศอินเดีย 569 ล้านบาท และ ขาดทุนในอัตราแลกเปลี่ยน 113 ล้านบาท ถ้าหากตัดสองรายการพิเศษนี้จะมีกำไรปกติเท่ากับ 172 ล้านบาท ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 35 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 97% จากปีก่อน

โดยยอดรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างอยู่ในระดับปกติ 11,746 ล้านบาท (-6% จากไตรมาสก่อน, +6% จากปีก่อน)  แต่อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงเหลือ 7.8% จาก 9.7% ในไตรมาสก่อน และปีก่อน ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเท่ากับ 560 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 21% เนื่องจากไตรมาสก่อนมีการตั้งสำรองบริษัทลูกในอินเดีย ขณะที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย +2% จากปีก่อน  ภาระดอกเบี้ยจ่ายไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก 636 ล้านบาท (-7% จากไตรมาสก่อน, +13% จากปีก่อน)

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการนั้น จากการขาดทุนในไตรมาส 1/58 หลักๆมาจากการตั้งสำรองของบริษัทลูก ITD Cem ในอินเดีย (ITD ถือ 51.6%) สถานการณ์ปัจจุบันได้ดีขึ้นอย่างมาก หลังจากที่บริษัท ITD Cem ได้งานขนาดใหญ่มูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านรูปี (หรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท) และทำให้ราคาหุ้น ITD Cem วิ่งขึ้นมาประมาณ 30%YTD และ ปรับขึ้น 379% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา เป็น 650 รูปี

โดยแนวโน้มไตรมาส 2/58 ไปจะมีกำไรที่ดีขึ้น Backlog ของ ITD ปัจจุบันประมาณ 2.5 แสนล้านบาท สามารถที่จะรองรับรายได้อีก 5-6 ปี สำหรับโครงการสำคัญที่จะช่วยหนุนผลประกอบการในอนาคต คือ โครงการโปแตสที่จังหวัดอุดร ซึ่งปัจจุบันกำลังรอประทานบัตรอย่างเป็นทางการ  และ โครงการทวายในพม่า  มีสัญญาณในด้านบวกเป็นลำดับ คือ รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความสนใจเข้ามาร่วมลงทุน SPV จากปัจจุบันมีเฉพาะรัฐบาลไทยและเมียนมาร์ ทำให้โครงการนี้มีศักยภาพสูงในอนาคต  และ ครม.ได้อนุมัติปล่อยกู้ซอฟต์โลนกรอบวงเงิน 4.5 พันล้านบาท ให้รัฐบาลเมียนมาร์เพื่อสร้างถนน จากทวายมายังบ้านพุน้ำร้อนระยะทาง 138 กม.

ทั้งนี้คงแนะนำ Trading Buy ประเมินราคาเป้าหมาย โดยวิธี Sum of The Part คือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง บนฐาน P/BV + 2SD = 2.9x ได้เท่ากับ 8.50 บาท บวกด้วยการเก็งกำไรในธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งยังมีความเสี่ยง คือ เหมืองโปแตส 2 บาท จากทั้งหมด 13 บาท และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในทวาย 1.50 บาท จาก 4.05 บาท จะได้ราคาเป้าหมายเท่ากับ 8.5+2+1.5 = 12 บาท

 

Back to top button