SEAFCO พื้นฐานดี แต่ราคาเต็มมูลค่าแล้วผลประกอบการปี 58 อาจทำได้ต่ำกว่าคาด

ตลาดเสาเข็มยังอยู่ในเกณฑ์ดีและมีงานประมูลใหม่ออกมาต่อเนื่อง โดยปีนี้ SEAFCO เตรียมซื้อเครื่องจักรเพิ่ม 4 ชุด เพื่อรับโอกาสทางธุรกิจที่จะเปิดกว้าง แต่ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นแรงในช่วง 3 สัปดาห์ จนเต็ม Fair Value โบรกฯปรับลดคำแนะนำจาก ซื้อ เป็น ถือ


บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (5 มิ.ย.) ว่า ภาวะตลาดเสาเข็มในปัจจุบันถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้จะไม่มีงาน Mega Project ภาครัฐออกมามากเหมือนช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ยังมีงานเสาเข็มอาคารสูงออกมาให้ประมูลอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 1/58 บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO ได้เข้าร่วมเสนอราคาทั้งหมด 60 โครงการ มูลค่ารวม 3,453 ล้านบาท ประกาศผลออกมาแล้ว 18 โครงการ โดย SEAFCO เป็นผู้ชนะประมูล 6 โครงการ มูลค่ารวม 450 ล้านบาทส่วนที่เหลืออีก 42 โครงการ มูลค่า 2,328 ล้านบาท จะทยอยประกาศผลภายในปีนี้ ซึ่ง SEAFCOคาดหวังว่าจะชนะประมูลในสัดส่วนประมาณ 30-40%

โดยไม่นับรวมงาน 2 ใหญ่ที่ SEAFCO มีความหวัง ได้แก่ งานเสาเข็มโครงการเอทไมล์ คอนเพล็ก ในพม่า มูลค่าเกือบ 200 ล้านบาท ที่คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาได้ภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า และงานล่าสุดที่เพิ่งได้รับการติดต่อเข้ามาคืองานเสาเข็มโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-คูคต) สัญญา 2 มูลค่าไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท

 

ปัจจุบัน SEAFCO มี Backlog คงเหลือ 977.52 ล้านบาท ใกล้เคียงกับตัวเลข ณ สิ้นปี 2557 ซึ่งงานประมูลภาครัฐและเอกชนที่คาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีหน้า หลังรัฐบาลเดินหน้าเปิดประมูลโครงการ Mega Project ทำให้ SEAFCO เตรียมความพร้อมด้วยการสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เข้ามาในปีนี้อีก 4 ชุด จากปัจจุบันที่มีเครื่องเจาะงานเสาเข็มเจาะ จำนวน 23 ชุด และเครื่องมือสำหรับก่อสร้างกำแพง D-Wall จำนวน 18 ชุด

โดยจะเคลื่อนย้ายเครื่องจักรชุดเก่าไปทำงานในประเทศพม่า ที่น่าจะกลายเป็นอีกแหล่งงานสำคัญในอนาคตให้กับ SEAFCO สำหรับเป้าหมายในปีนี้ SEAFCO ยังคงประเมินรายได้เติบโตขึ้น 15% จากปีก่อน สู่ระดับ 2.2 พันล้านบาท ขณะที่สัดส่วนรายได้จากพม่าอาจต่ำกว่า 10% ของรายได้รวม เนื่องจากโครงการเอทไมล์ คอมเพล็ก ในพม่า ล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม

 

แม้ทิศทางธุรกิจเสาเข็มในระยะยาวยังคงสดใสอย่างมาก แต่ความเสี่ยงเรื่องผลประกอบการปี 2558 ที่อาจทำได้ต่ำกว่าคาด หลังไตรมาส 1/58 SEAFCO ทำกำไรได้ต่ำเพียง 27.6 ล้านบาท คิดเป็น 12% จากประมาณการทั้งปี ขณะที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นกว่า 20% ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ใกล้เคียง Fair Value ที่ฝ่ายวิจัยประเมินโดยอิง PER 16 เท่า ซี่งจะให้ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 11.88 บาท ปรับลดคำแนะนำลงจาก ซื้อ เป็น ถือ

Back to top button