SCC การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐหนุนกำไรใน 2H58 แนะซื้อเป้า 600 บาท

SCC มีปัจจัยการลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย อีกทั้งแนวโน้มอุตสาหกรรม Cement ในประเทศไทย และแนวโน้มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยเชื่อว่า SCC เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับประโยชน์การ up-cycle ของปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ที่คาดว่าจะช่วยหนุนผลประกอบการต่อเนื่องในปี 58 และคาดว่าจะได้ประโยชน์จากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ที่เริ่มฟื้นตัวชัดเจนจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรของ SCC ใน 2H15F เราคงคำแนะนำซื้อ SCC ที่ราคาเป้าหมาย 600 บาท


บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (10 มิ.ย.) ว่า บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC มีมุมมองเชิงบวกต่อการเข้าร่วม Roadshow ของ SCC ในงาน Nomura Investment Forum เมื่อสัปดาห์ผ่านมา โดยมีผู้แสดงความสนใจเข้าร่วมรับฟังค่อนข้างมากโดยมีประเด็นสำคัญคือ

 SCC เข้าลงทุนในอินโดนิเซียโดยมีแนวทางการลงทุนที่แตกต่างไปจากเดิมไม่ได้ใช้กลยุทธ์ราคาและMarket share แต่จะเป็นการลงทุนในลักษณะการสร้างโรงงานแบบIntegrated โดยใน 2H15F โรงงานผลิต Cement กำลังการผลิต 1.8MTจะเริ่มเดินเครื่องผลิตและคาดว่าจะสามารถให้ EBITDA Margin ที่สูงกว่า 30% ได้ โดยราคาซีเมนต์ในประเทศอินโดนีเซียยังอยู่ในระดับที่สูงที่ US$70-75/ton เทียบกับประเทศไทยที่ US$55-60/ton และตลาดมีความต้องการใช้ที่เติบโตราว3% ต่อปี โดยต่อจากนี้การลงทุนในอินโดนีเซียจะมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไปโดยการเพิ่มกำลังการผลิตจะสอดคล้องกับความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นในระยะยาวของประเทศ

ในส่วนของแนวโน้มอุตสาหกรรม cement คาดว่าจะฟื้นตัวใน 2H15F โดยที่ผ่านมาใน 1Q15 ตลาดซีเมนต์ในประเทศหดตัว 2% y-y จากกลุ่ม Residential และ Commercial retail ที่ปรับตัวลดลง 7% และ 6% ตามลำดับในขณะที่การลงทุนภาครัฐฟื้นตัวขึ้น SCC เชื่อว่าตลาดซีเมนต์ในประเทศจะสามารถเติบโตได้ราว 5% y-y ใน 2H15 จากฟื้นตัวของการลงทุนจากภาครัฐและ Commercial retail โดยนอกจากความต้องการใช้ในประเทศที่เติบโตแล้ว SCC มีการลงทุนสร้างโรงงานผลิต Cement ใน 4ประเทศในอาเซียน(Cambodia, Indonesia, Myanmar, and Laos) เพื่อกระจายความเสี่ยงของความไม่แน่นอนทางการเมืองของประเทศไทยซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้ในประเทศได้ โดยส่งผลให้กำลังการผลิตของ SCC จะเพิ่มขึ้น 6.3 ล้านตันในปี 2015-17F หรือ 26% จากกำลังการผลิตปัจจุบันซึ่งคาดว่ากำลังการผลิตที่เข้าใหม่จะช่วยหนุนกำไรของ SCC และลดความผันผวนของกำไรในธุรกิจเคมีภัณฑ์ในช่วงเวลาดังกล่าว

 SCC คาดว่าธุรกิจเคมีภัณฑ์จะมีอัตรากำไรในระดับที่ดีต่อเนื่องใน 2015-18F จากการคาดการณ์แนวโน้ม Utilization rate ของอุตสาหกรรมในปัจจุบันที่อยู่ในระดับที่สูงและคาดว่าตลาดจะยังอยู่ในภาวะที่ตึงตัวต่อเนื่องอีก 3 ปี โดยจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาราคาผลิตภัณฑ์เคมีทรงตัวอยู่ในระดับที่ดีได้ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงแรง โดยความเสี่ยงมีเพียง Global crisis ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อ Demand ของอุตสาหกรรมได้ โดยปัจจุบัน SCC ได้ใช้กระแสเงินสดที่ได้จากธุรกิจเคมีภัณฑ์ไปลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตปูนซีเมนต์และธุรกิจ non-chemical อื่นๆ เพื่อขยายกำลังการผลิตเข้ามารองรับ down-cycle ของธุรกิจเคมีภัณฑ์ในปี 2019-20F เราคงคำแนะนำซื้อ SCC ที่ราคาเป้าหมาย 600 บาท

Back to top button