
“ฟิลลิป” แนะซื้อ SINGER เป้า 6.70 บาท ชี้กำไรปีนี้ 144 ล้านบาท โตแกร่ง 950%
“ฟิลลิป” คงประมาณการกำไรปี 2568 ของ SINGER ที่ 144 ล้านบาท โต 950% และปี 2569 ที่ 170 ล้านบาท เดินหน้าปรับพอร์ตเน้นสินเชื่อ Locked Phone ผลตอบแทนสูง–ความเสี่ยงต่ำ พร้อมจับมือพันธมิตร JMART และร้านเตือนใจหนุนยอดขายและปล่อยสินเชื่อเพิ่ม
บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ของบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ไว้ที่ 144 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 950.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน พร้อมคาดว่าปี 2569 จะมีกำไร 170 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.8% อย่างไรก็ตาม จากผลขาดทุนสะสมที่ยังมีอยู่ คาดว่าจะยังไม่มีการจ่ายเงินปันผลในช่วงสองปีข้างหน้า ทั้งนี้คงราคาเหมาะสมไว้ที่ 6.70 บาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบันยังมีส่วนต่าง เหมาะต่อการลงทุน จึงแนะนำ “ซื้อ”
สำหรับการเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อประเภท Locked Phone ซึ่งมีผลตอบแทนสูง ส่งผลให้ผลตอบแทนสินเชื่อรวมของ SINGER เพิ่มขึ้นเป็น 12.43% จาก 10.65% ในไตรมาสก่อน และทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 12.20% จาก 10.49% โดยสินเชื่อ Locked Phone ถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ มีอัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพียง 2.08% เทียบกับทั้งพอร์ตที่มีระดับสูงถึง 19.43% บริษัทจึงมีแผนเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อประเภทนี้ให้มากกว่าการปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนราว 45.46% ของพอร์ต
นอกจากนี้ SINGER มีแผนใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศภายในกลุ่มบริษัทและการสร้างพันธมิตรเพื่อเพิ่มยอดขายและยอดสินเชื่อ โดยเตรียมจับมือกับบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งเสริมการขายโทรศัพท์มือถือและเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกการชำระเงินเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เจ มาร์ทมียอดขายเพิ่ม และ SINGER มียอดสินเชื่อขยายตัวควบคู่กัน อีกทั้งยังร่วมมือกับร้านเตือนใจเพื่อนำคีออสของ SINGER ไปติดตั้งเพื่อจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ พร้อมมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะช่วยหนุนยอดขายและการปล่อยสินเชื่อในระยะถัดไป
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2568 สินเชื่อรวมของบริษัทหดตัว 0.93% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่งผลให้ยอดสินเชื่อสะสมตั้งแต่ต้นปีหดตัว 3.44% โดยมีเพียงสินเชื่อ Locked Phone และสินเชื่อสวัสดิการที่ยังเติบโตต่อเนื่องที่ 19.53% และ 0.95% ตามลำดับ ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ และสินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าหดตัว 9.79%, 8.61% และ 3.42% ตามลำดับ ทำให้สัดส่วนสินเชื่อ Locked Phone เพิ่มขึ้นเป็น 38.28% ของพอร์ต ซึ่งบริษัทจะยังคงเน้นกลุ่มสินเชื่อนี้ต่อไปในอนาคต เนื่องจากให้ผลตอบแทนสูงและมีความเสี่ยงต่ำที่สุดในพอร์ต
