หุ้น AH

นายเย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH เปิดเผยว่า แนวโน้มของผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/64 คาดว่า จะชะลอตัวลงจากไตรมาส 2/64 จากผลกระทบของปัญหาการขาดแคลนชิป ทำให้การผลิตรถยนต์ของค่ายรถต่างๆทั่วโลกเกิดความล่าช้าขึ้น ส่งผลต่ออุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่จะได้รับผลกระทบในการส่งมอบงานชิ้นส่วนรถยนต์ให้กับลูกค้าที่ชะลอลงด้วย เนื่องจากสายการผลิตรถยนต์เกิดปัญหาการผลิตได้อย่างไม่ต่อเนื่อง จากการที่ขาดแคลนชิปในปัจจุบัน แม้ว่าปัจจุบันความต้องการในการสั่งผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จะยังมีเข้ามามาก แต่หากสายการผลิตของค่ายรถยนนต์ยังเผชิญกับปัญหาการแคลนชิปอยู่ ทำให้การส่งมอบงานให้กับลูกค้าก็จะถูกเลื่อนตามไปด้วย อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าในช่วงไตรมาส 4/64 ปัญหาการขาดแคลนชิปจะค่อยๆคลี่คลายลง และจะทำให้การผลิตรถยนต์กลับมาผลิตได้ใกล้เคียงกับช่วงปกติมากขึ้น ทำให้การส่งมอบงานชิ้นส่วนรถยนต์ให้กับลูกค้าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ อีกทั้งยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศปีนี้ยังมีทิศทางที่เป็นบวก จากการปรับเพิ่มประมาณการยอดผลิตรถยนต์เป็น 1.55-1.6 ล้านคัน โดยมีปัจจัยหนุนจากยอดการผลิตรถยนต์ส่งออกที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวกลับมาของประเทศขนาดใหญ่ ทำให้การส่งออกรถยนต์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งได้มีการปรับคาดการยอดผลิตรถยนต์ส่งออกเป็น 800,000-850,000 คัน จากเดิมที่ 750,000 คัน ส่วนยอดผลิตรถยนต์ขายในประเทศยังอยู่เท่าเดิมที่ 750,000 คัน โดยที่บริษัทมั่นใจรายได้ในปี 64 ยังทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 15-20% จากปีก่อน พร้อมรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 10-12% หลังเน้นบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพในระดับสูงต่อเนื่อง ปรับระบบการทำงานภายใน โดยเฉพาะงานปฏิบัติการ (Operation) ด้วยการนำ Robotic Process Automation : RPA เข้ามาปรับใช้ ส่วนแนวโน้มในปี 65 คาดว่าเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสเติบโตได้สูงกว่าปี 64 โดยเฉพาะในส่วนของรายได้ที่จะได้รับอานิสงส์จากการผลิตรถยนต์ที่บริษัทคาดว่าจะกลับมาเป็นปกติ จากปัญหาการขาดแคลนชิปที่คาดว่าจะจบลงได้ภายในสิ้นปี 64 ประกอบกับค่ายรถยนต์จะมีการเปิดตัวรถกระบะใหม่ ทำให้บริษัทเตรียมส่งมอบชิ้นส่วนรถกระบะโมเดลใหม่ให้กับลูกค้าที่จะเปิดตัวรถกระบะในปี 65 ทำให้มีรายได้เข้ามาหนุนเพิ่มขึ้น และบริษัทจะรับรู้รายได้จากธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ MG เข้ามาเต็มปีในปี 65 ทำให้จะเห็นการเติบโตของรายได้ในปี 65 ที่ค่อนข้างโดดเด่น