การไฟฟ้าไฟฟ้า

ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกพ. เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 มีมติเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับงวดเดือนกันยายน - ธันวาคม 2568 โดยมี 3 กรณีศึกษาให้พิจารณา ซึ่งจะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าอยู่ระหว่าง 3.98 - 5.10 บาทต่อหน่วย โฆษก กกพ. ระบุว่า แม้แนวโน้มต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจะลดลงจากปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่กลับสู่ภาวะปกติ และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 32.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ปัจจัยสำคัญที่ยังกดดันค่าไฟฟ้าคือ ภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงคงค้าง (AF) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ยังคงสูงถึง 66,072 ล้านบาท ซึ่งการจัดเก็บเงินเพื่อลดหนี้ดังกล่าวยังคงต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยเหตุนี้ กกพ. จึงเสนอแนวทางการกำหนดค่าเอฟทีงวดใหม่เป็น 3 กรณี เพื่อเปิดให้ประชาชนร่วมตัดสินใจ ดังนี้ กรณีที่ 1: จ่ายคืนหนี้ทั้งหมด - ค่าไฟ 5.10 บาท/หน่วย (+28%) เป็นการจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างให้ กฟผ. ทั้งหมด 66,072 ล้านบาท และคืนส่วนต่างราคาก๊าซฯ ให้กับ Shipper อีก 15,084 ล้านบาท ภายในงวดเดียว ค่า Ft จะอยู่ที่ 131.94 สตางค์/หน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฐาน จะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย (ไม่รวม VAT) เพิ่มขึ้นเป็น 5.10 บาท/หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 28% จากปัจจุบัน ข้อดี: กฟผ. จะได้รับเงินคืนทั้งหมด ทำให้มีสภาพคล่องและสถานะการเงินกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว กรณีที่ 2: จ่ายคืนหนี้ กฟผ. ทั้งหมด - ค่าไฟ 4.87 บาท/หน่วย (+22%) เป็นการจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างให้ กฟผ. ทั้งหมด 66,072 ล้านบาท แต่ยังไม่รวมส่วนต่างราคาก๊าซฯ ของ Shipper ค่า Ft จะอยู่ที่ 109.09 สตางค์/หน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย (ไม่รวม VAT) ปรับขึ้นเป็น 4.87 บาท/หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 22% จากปัจจุบัน ข้อดี: กฟผ. ได้รับเงินคืนทั้งหมด แต่ภาระหนี้ส่วนต่างราคาก๊าซฯ ยังคงอยู่ กรณีที่ 3: ตรึงค่าไฟเท่าเดิม - ค่าไฟ 3.98 บาท/หน่วย (เท่าปัจจุบัน) เป็นการตรึงค่า Ft ให้อยู่ในระดับเดียวกับงวดปัจจุบัน โดยจะสามารถทยอยชำระคืนหนี้ให้ กฟผ. ได้เพียง 7,072 ล้านบาท ค่า Ft จะอยู่ที่ 19.72 สตางค์/หน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย (ไม่รวม VAT) คงที่เท่ากับ 3.98 บาท/หน่วย ข้อดี: ไม่กระทบค่าครองชีพของประชาชนในระยะสั้น แต่ภาระหนี้ส่วนใหญ่ของ กฟผ. จะยังคงอยู่และถูกผลักไปในอนาคต ทั้งนี้ สำนักงาน กกพ. ขอเชิญชวนประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อแนวทางดังกล่าวได้ทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. (www.erc.or.th) ตั้งแต่วันที่ 17 - 28 กรกฎาคม 2568 ก่อนที่ กกพ. จะนำทุกความเห็นไปพิจารณาและประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป พร้อมกันนี้ กกพ. ได้รณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันประหยัดพลังงานผ่านหลัก 5 ป. ได้แก่ ปลดปลั๊กเมื่อไม่ใช้, ปิดไฟที่ไม่จำเป็น, ปรับแอร์ที่ 26 องศา, เปลี่ยนใช้อุปกรณ์เบอร์ 5 และปลูกต้นไม้เพื่อลดความร้อน ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือนได้โดยตรง