งบไตรมาส 3/2568

บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประเมินผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ของกลุ่มโรงพยาบาล ได้แก่ บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9, บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS และ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่า PR9 จะสร้างผลกำไรที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาลในไตรมาสนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะจากตะวันออกกลางและเมียนมา คาดว่ารายได้ของโรงพยาบาลจะทำระดับสูงสุดใหม่ จากกลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเป้าผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ในขณะที่ BDMS และ BH อาจมีผลกำไรลดลง เนื่องจากฐานผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติที่สูง รวมถึงรายได้จากผู้ป่วยกัมพูชาและจีนที่ลดลง PR9 จึงเป็นหุ้นแนะนำของกลุ่มนี้ ด้วยแรงหนุนจากรายได้ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นและ EBITDA margin ที่ขยายตัว สำหรับไตรมาส 4/2568 คาดว่าผลประกอบการโรงพยาบาลจะฟื้นตัว จากฤดูกาลไข้หวัดใหญ่ที่ล่าช้าและจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ PR9 ที่เตรียมสร้างสถิติกำไรสูงสุดในไตรมาส 3/2568 โดยคาดกำไรอยู่ที่ 220 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่ม 21% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส แม้ EBITDA margin จะลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากค่าใช้จ่ายพนักงานและ SG&A ที่สูง แต่การประหยัดภาษี 13 ล้านบาทช่วยชดเชยผลกระทบ ทั้งนี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ PR9 โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 31 บาท ด้าน BDMS ฤดูกาลไข้หวัดใหญ่ช่วยหนุนผลประกอบการเล็กน้อย คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 4.1 พันล้านบาท ลดลง 4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่ม 17% จากไตรมาสก่อนหน้า รายได้รวมประมาณ 2.85 หมื่นล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่ม 5% จากไตรมาสก่อนหน้า โดย EBITDA margin ลดลงเล็กน้อยจาก 25% เป็น 24.10% ส่วน BH คาดกำไรไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ถือเป็นการกลับมาเติบโตอีกครั้ง หลังจากฐานรายได้ผู้ป่วยในคูเวตซึ่งลดลงอย่างมากตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ยังไม่มีอยู่ คาดว่ารายได้โรงพยาบาลคาดทรงตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อนหน้า จากแรงหนุนการฟื้นตัวของรายได้ผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง โดยฝ่ายวิจัยใช้มุมมองที่ระมัดระวังมากกว่าการคาดการณ์ของผู้บริหารที่ 3-5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนปัจจัยสนับสนุนตามฤดูกาลที่น้อยลงในไตรมาสนี้ ส่วน EBITDA margin คาดปรับตัวดีขึ้นทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า จากการบริหารจัดการต้นทุนและการกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติ