ตลาดหลักทรัพย์ฯ

บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI ถือเป็นหุ้นใหม่และใหญ่ในรอบกว่า 1 ปี ที่มีนักลงทุนจับตามองเป็นพิเศษ..!! เพราะการเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ TLI ไม่ใช่แค่ใหญ่เท่านั้น แต่ถูกคาดหมายจะเข้า SET50 ทันที..!? ทำให้นักลงทุนพูดถึงกันเยอะ มีการวิเคราะห์กันหลากหลายแง่มุม เพราะด้วยมาร์เก็ตแคปมีโอกาสจะเข้า SET50 แบบ Fast track (มีมาร์เก็ตแคปมากกว่า 1% ของมาร์เก็ตแคปรวมทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือเป็นหุ้นที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปสูงสุดติด 20 อันดับแรกใน SET50)... ขณะเดียวกันสร้างแรงกระเพื่อมให้หุ้นที่เสี่ยงตกชั้น SET50 ไล่บี้กันอย่างเมามันส์ ไม่ว่าจะเป็น บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE, บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART, บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD, บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC และบริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA สุดท้าย TLI เข้ามาปุ๊บ เปิดเทรดที่ราคา 16.00 บาท (เท่าไอพีโอ 16.00 บาท) และปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 16.30 บาท ตอนแรกก็คิดว่าได้เข้า SET50 แล้วแน่ ๆ แต่ที่ไหนได้...ราคาเริ่มย่อมาอยู่ที่ 16.10 และ 16.00 บาท พักใหญ่...ทุกคนก็ลุ้นกันเต็มที่...อย่างน้อย ๆ ก็ไม่น่าจะหลุดจองที่ 16.00 บาท ว่าป๊ะล่ะ... แต่ท้ายสุดไปไม่ไหว ปิดเทรดที่ 15.90 บาทซะงั้น ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่อุ่นหนาฝาคั่งกว่า 1.02 หมื่นล้านบาท ด้วยราคาปิดที่ 15.90 บาท ก็ทำให้ TLI พลาดโอกาสที่จะเข้า SET50 แบบ Fast track ไปโดยปริยาย เนื่องจากมีมาร์เก็ตแคปแค่ 1.82 แสนล้านบาท ซึ่งไม่ถึง 1% ของมาร์เก็ตแคปรวมทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 1.87 แสนล้านบาท และน้อยกว่ามาร์เก็ตแคป SET50 ตัวที่ 20 ประมาณ 2 แสนกว่าล้านบาท... กลายเป็นว่า TLI ไปไม่ถึงดวงดาว..!! ทำเอานักลงทุนเกิดอาการเซ็งเป็ดไปตาม ๆ กัน... งานนี้เสียหายหนักนะเนี่ย... ขณะที่โอกาส TLI จะได้เข้า SET50 อีกที ก็ต้องรอโน่นแหละ ในรอบครึ่งปีหลัง 2566 เพราะต้องรอข้อมูลการซื้อขายให้ครบ 6 เดือนเสียก่อน (นับข้อมูลการซื้อขายถึงเดือน พ.ย. 2565 แต่ TLI เพิ่งเข้าเทรดวันที่ 25 ก.ค. 2565) ทำให้เข้าไม่ทันรอบครึ่งปีแรก 2566 (ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2564 ถึง 30 พ.ย. 2565) คงต้องรอยาวไป SET50..!? โอเค...ในแง่ปัจจัยพื้นฐานของ TLI ทุกคนรู้แจ้งว่าแข็งแกร่ง เป็นบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของตลาด ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 15% และมีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยปี 2563 มีรายได้รวม 107,642 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,692 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 7.15% ปี 2564 มีรายได้รวม 109,246 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8,393 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 7.68% และไตรมาส 1/2565 มีรายได้รวม 25,954 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,795 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 14.62% โดย ณ วันที่ 31 มี.ค. 2565 มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดในกระเป๋ากว่า 7,080 ล้านบาท และมีกำไรสะสมยังไม่ได้จัดสรรสูงถึง 60,539 ล้านบาท ขณะที่ปี 2565 นี้ ประเมินกันว่าจะมีกำไรสุทธิราว 9,569-11,595 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18-19% จากปีก่อน โดย TLI มีสินทรัพย์ลงทุนอยู่ประมาณ 5 แสนล้านบาท ซึ่งราว 80% ลงทุนในตราสารหนี้ ทำให้นับจากนี้ไปจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น... จะว่าไปทุกอย่างดูดีหมด ยกเว้นราคาหุ้น..!? โดยวานนี้ (26 ก.ค.) ไหลรูดไม่มีเบรกมาปิดที่ 15.00 บาท ลดลง 5.66% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.22 พันล้านบาท เกิดอะไรขึ้นกับ TLI ป๊ะเนี่ย... เอาเป็นว่า ในขณะที่ผู้ถือหุ้น TLI แน่นอก...แต่ผู้ถือหุ้น KCE, JMART, SAWAD, IRPC และ BLA คงโล่งอก อย่างน้อย ๆ ก็รอดตกชั้น SET50 ไปอีกซีซันแล้วตรู... ลุ้นกันใหม่กลางปีหน้านะจ๊ะ..!? ...อิ อิ อิ...