ผู้ประกอบการรายย่อย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ธ.ค.68) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการ มาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไทย และโดยเฉพาะ 9 จังหวัดภาคใต้ ที่ประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ ได้แก่ สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พัทลุง ตรัง สตูล นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ข้อมูลของ สสว. พบว่าเหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการกว่า 200,000 ราย และกระทบต่อการจ้างงานกว่า 900,000 คน ทำให้จำเป็นต้องออกมาตรการที่เน้นการช่วยเหลือเฉพาะพื้นที่และสามารถเข้าถึงได้ง่าย เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถฟื้นฟูธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว บอร์ด สสว. ได้อนุมัติงบประมาณ 2,700 ล้านบาทจากกองทุนส่งเสริมเอสเอ็มอี โดยเป็นมาตรการเสริมจากมาตรการทางการเงินวงเงิน 2.67 แสนล้านบาท ที่ได้ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 7 แห่ง มาตรการที่ 1 ให้วงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ปลอดชำระเงินต้น 1 ปี รวม 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 ด้านหลัก ด้านละ 400 ล้านบาท ได้แก่ 1.Transformation Fundช่วยผู้ประกอบการปรับรูปแบบธุรกิจและใช้เทคโนโลยีเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ 2.Enhancement Fundช่วยธุรกิจที่มีศักยภาพให้เติบโตได้ต่อเนื่อง 3. Tourism & Related Fundช่วยธุรกิจท่องเที่ยวและกิจการที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมปรับลดเงื่อนไขคุณสมบัติผู้ประกอบการจากเดิมที่ต้องประกอบการ 2 ปี ลดเหลือ 6 เดือน เพื่อเปิดทางให้เอสเอ็มอี รายใหม่สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ พร้อมสิทธิปลอดชำระเงินต้น เพื่อลดภาระผู้ประกอบการและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทันที มาตรการที่ 2 วงเงิน 1,500 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรเอกชนที่นำแผนการส่งเสริมเอสเอ็มอีไปปฏิบัติ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบอุทกภัย เช่น การจับคู่ธุรกิจ การเปิดตลาดสินค้า นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้กำกับดูแล สสว. กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดมาตรการฉุกเฉิน 3 ข้อ เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี ได้แก่ พักชำระหนี้ 6 เดือนถึง 1 ปี ซ่อมแซมฉุกเฉิน (BDS) รัฐสนับสนุนค่าใช้จ่ายซ่อมแซมร้าน 50–80% เพิ่มสภาพคล่อง ผ่านแต้มต่อในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการและรักษาการผู้อำนวยการ สสว. กล่าวเสริมว่า สสว. จะเร่งการประชาสัมพันธ์โครงการและเกณฑ์การเข้าร่วม เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถขอรับความช่วยเหลือได้เร็วที่สุด โดยตั้งเป้าช่วยผู้ประกอบการกลุ่มแรกไม่ต่ำกว่า 2,000 ราย