ฟาร์มไก่เนื้อ

นายชูรัตน์ จึงธนสมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM ผู้ประกอบธุรกิจฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อภายใต้รูปแบบเกษตรพันธสัญญาแบบประกันราคา เปิดเผยถึงแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 2568 ว่า บริษัทจะยังคงเน้นทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าปัจจุบันเป็นหลัก แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมไก่เนื้อเริ่มฟื้นตัว แต่บริษัทเลือกที่จะมุ่งสร้างรายได้ที่มีเสถียรภาพ โดยเชื่อว่าทั้งตลาดบริโภคภายในประเทศและการส่งออกยังคงมีแนวโน้มเติบโตสม่ำเสมอ กลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะยาว สำหรับกำลังการผลิตในปี 2568 บริษัทคงกำลังเลี้ยงไก่เนื้อที่ระดับ 3.18 ล้านตัวต่อรอบ หรือรวมกว่า 15.88 ล้านตัวต่อปี รองรับดีมานด์ของตลาด โดยเฉพาะกลุ่มส่งออกซึ่งยังเป็นกลุ่มหลักในการขับเคลื่อนยอดขาย โดยแม้ฐานการผลิตไม่ได้ขยาย แต่บริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากประสิทธิภาพการเลี้ยงที่สูง โดยมีอัตราการรอดมากกว่า 96% น้ำหนักเฉลี่ยต่อตัว 2.8–3 กิโลกรัม สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรม พร้อมอัตราการใช้อาหารต่อการเพิ่มน้ำหนักที่ลดลง ช่วยลดต้นทุน ขณะที่ราคาขายยังทรงตัวในระดับสูง เสริมขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ด้านแนวโน้มอุตสาหกรรมการส่งออกไก่ไทยในปี 2568 ยังคงสดใส จากความต้องการบริโภคเนื้อไก่ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในฐานะแหล่งโปรตีนทางเลือกที่มีคุณภาพและเข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสม ประเทศไทยยังคงรักษาความได้เปรียบในฐานะผู้ส่งออกไก่แปรรูปชั้นนำของโลก ด้วยมาตรฐานการผลิตที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ขณะเดียวกัน CFARM ยังเดินหน้าขยายธุรกิจใหม่ ด้วยการลงทุนในโครงการฟาร์มวัวนม บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ในจังหวัดบุรีรัมย์ โดยล่าสุดในไตรมาส 1/2568 ได้ดำเนินการปรับหน้าดินแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงเรือนระบบปิดที่สามารถควบคุมอุณหภูมิ เพื่อรองรับสภาพอากาศที่แปรปรวน และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตน้ำนม ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนจัดหาสายพันธุ์วัว อุปกรณ์เลี้ยง และระบบรีดนม โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตน้ำนมดิบล็อตแรกจากแม่วัว 1,250 ตัวในไตรมาส 1/2569 ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าธุรกิจฟาร์มวัวนมจะสร้างรายได้มากกว่าฟาร์มไก่เนื้อถึง 2 เท่า เนื่องจากเป็นโมเดลรายได้แบบรายวัน แตกต่างจากฟาร์มไก่ที่รับรู้รายได้ตามรอบการเลี้ยง สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 บริษัทมีรายได้จากการเลี้ยงไก่เนื้อภายใต้พันธะสัญญาอยู่ที่ 48 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 750,000 บาท สะท้อนภาพรวมธุรกิจที่ยังคงมีเสถียรภาพต่อเนื่อง