สัญชัยปอปลี

นายสัญชัย ปอปลี ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เปิดเผยว่า Thailand Blockchain Week 2025 จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ภายใต้แนวคิด “Supercycle: Future of Wealth” คลื่นใหญ่แห่งการเปลี่ยนผ่านความมั่งคั่ง มหกรรมงานบล็อกเชนและ การเงินแห่งโลกอนาคต สะท้อนปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นจริงในเศรษฐกิจโลก จากการสะสมในสินทรัพย์ ที่เคยเป็นรากฐานยาวนานอย่างทองคำ ที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ กำลังเคลื่อนย้ายเข้าสู่สินทรัพย์ดิจิทัล รุ่นใหม่อย่าง Bitcoin และ Ethereum พร้อมทั้งโครงสร้างการเงินใหม่ที่โปร่งใส ตรวจสอบได้และไร้พรมแดน Supercycle ยังสอดคล้องกับปรากฏการณ์ระดับโลก ที่หลายประเทศเริ่มถือครอง Bitcoin เป็นทุนสำรองทางการเงิน (Reserve Asset) และกองทุนสถาบันระดับโลกทยอยเข้าลงทุนในสินทรัพย์ ดิจิทัลมากขึ้น ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่เพียงกระแสชั่วคราว แต่กำลังกลายเป็นรากฐานใหม่ของ เศรษฐกิจโลก ขณะที่ Digital Finance และ G-Token กำลังทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโลกการเงินดั้งเดิม กับเศรษฐกิจดิจิทัล เปิดโอกาสใหม่ทั้งสำหรับภาคธุรกิจและประชาชน ในปี 2025 นี้ ประเทศไทยพร้อมก้าวข้ามจากการเป็น Crypto Hub ของภูมิภาค สู่การเป็น Visionary Hub แห่งแรกในเอเชีย เวทีที่กล้าประกาศวิสัยทัศน์ก้าวสู่ยุคใหม่ของเศรษฐกิจดิจิทัล มอง Bitcoin ไม่ใช่เพียงสินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไร แต่คือ “ทุนสำรองเชิงกลยุทธ์” ของอนาคต พร้อมรวบรวม ผู้นำความคิด นักลงทุน และนักพัฒนานวัตกรรมจากทั่วโลก มาร่วมกันออกแบบอนาคตเศรษฐกิจและ การเงินดิจิทัลร่วมกัน ทั้งนี้ งาน Thailand Blockchain Week 2025 เป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมโยงผู้ประกอบการ นักลงทุน นักพัฒนา และหน่วยงานภาครัฐเข้าด้วยกัน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ สร้างพันธมิตรทางธุรกิจ และร่วมกันผลักดันให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับสากล นอกจากนี้ อุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลไทยยังมีระบบนิเวศ (Ecosystem) บล็อกเชนที่ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ผู้แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) สตาร์ทอัพ ผู้พัฒนา และหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งส่งเสริมให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้าน DeFi (Decentralized Finance) ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน พร้อมเชื่อมโยงโอกาสใหม่ผ่านโลกการเงินดิจิทัล สำหรับงานในปีนี้ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรระดับโลกหลากหลายองค์กร นำโดย Tether (USDT) ผู้ออกเหรียญ Stablecoin ที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก ร่วมด้วย TRON หนึ่งในเครือข่ายบล็อกเชนชั้นนำ ระดับสากลที่เป็นรากฐานสำคัญของการสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps) และใช้เหรียญ Tronix (TRX) เป็นสกุลเงินหลักภายในระบบนิเวศ, BinanceTH กระดานแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล รายใหญ่ของประเทศไทยที่มีคู่เหรียญเทรดมากที่สุด, Ledger ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกระเป๋าเงินดิจิทัล (Hardware Wallet) ที่ได้รับความเชื่อถือจากผู้ใช้งานทั่วโลก, JFIN ผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานการเงิน ดิจิทัลของไทยที่ร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน และพันธมิตรอีกมากมาย ภายในงานรวบรวมผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 50 คนจากทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้ง CK Cheong ผู้ก่อตั้ง Fastwork, คุณโฉลก สัมพันธารักษ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและพาร์ทเนอร์ บริษัท CDC ChalokeDotCom, คุณพิริยะ สัมพันธารักษ์ ผู้ก่อตั้ง Right Shift และกรรมการผู้จัดการของบริษัท CDC ChalokeDotCom, พอล ภัทรพล ศิลปาจารย์ นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Money Matters, คุณชัชวาลย์ วัฒนะโชติ ผู้ก่อตั้งเพจ Kim Property, ดร.พงศ์ธร ธาราไชย เจ้าของเพจ ปป รวยกว่าย่อมดีกว่า, คุณกวี ชูกิจเกษม ประธานเจ้าหน้าที่สายการบริหารพอร์ตการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน), ผศ. ดร. อุดมศักดิ์ รักษ์วงศ์วาน ผู้ก่อตั้งเพจ ติดเล่า เรื่องลงทุน, Butree, คุณพีรพัฒน์ เพ็ชรดิษฐ์ เจ้าของเพจ เทรดเดอร์หน้าหมีแต่ชอบหมา, คุณชวิศ กฤษณานุวัตร์ เจ้าของเพจ SRISIAM, ดร.บิ๊ก ณปภัช ปิยไชยกุล เจ้าของเพจ The Big Secret, คุณพีรพัฒน์ หาญคงแก้ว CIO Cryptomind Advisory และวิทยากร อีกมากมายจากทั้งในและต่างประเทศ ที่จะมาร่วมแบ่งปันมุมมอง วิสัยทัศน์ และแนวคิดใหม่ ๆ เกี่ยวกับอนาคตของโลกการเงินและเทคโนโลยีบล็อกเชน พร้อมเนื้อหาสัมมนาภายในงานกว่า 15 session ที่ครอบคลุมตั้งแต่ Bitcoin, Ethereum, Stablecoins, CBDC ไปจนถึงอนาคตของ Digital Reserve และ Digital Finance อาทิ “เทรดหรือถือ? : ต้องเลือกทางไหนถ้าอยากพลิกชีวิตด้วยคริปโท”, “เงินฝืดคือหายนะ : ระบบเศรษฐกิจที่ใช้ Bitcoin จะหยุดพัฒนาและพังพินาศจริงหรือ?”, Bringing DeFi To The Mainstream: Crypto’s Next Frontier, อนาคตประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ในวันที่สหรัฐฯ โอบรับ Bitcoin, การเงินไม่มีสูตรสำเร็จ เพราะเส้นทางชีวิตไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสำหรับผู้เข้าร่วมงานทุกคนได้ร่วมลุ้น “กาชาปอง” เพียงเข้าร่วมกิจกรรม ตามบูธต่าง ๆ ภายในงาน เพื่อสะสมสแตมป์ลงใน “พาสปอร์ต” ที่ได้รับบริเวณจุดลงทะเบียน เมื่อสะสม ครบตามกำหนด ผู้ร่วมงานจะมีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลใหญ่รวมของรางวัลมูลค่ามากกว่า 300,000 บาท การจัดงานครั้งนี้ไม่ใช่เพียงงานประชุมด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน หากแต่เป็นการประกาศวิสัยทัศน์ ใหม่ของประเทศไทย ว่าเราพร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้วย “Supercycle: Future of Wealth” นำพา ประเทศเข้าสู่ยุคที่ความมั่งคั่งถูกส่งต่อโดยสินทรัพย์ดิจิทัลในอีก 10 – 30 ปีข้างหน้า นี่คือโอกาสที่จะอยู่ แถวหน้า Early Adopter ใครที่ไม่มางานนี้ อาจพลาดโอกาสที่จะอยู่แถวหน้าในคลื่นการเปลี่ยนผ่านที่ ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลก โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 8 - 9 พฤศจิกายน 2568 ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน สามารถลงทะเบียนเข้างานได้ฟรีที่ https://www.thailandblockchainweek.com/