สุวัฒน์วัฒนพรพรหม

นายสุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้อำนวยการสายงานวิจัย ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันที่ 8 ส.ค.68 ว่าตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนชะลอการเพิ่มความเสี่ยงก่อนหยุดยาว 4 วัน และแรงกดดันจากการปรับสมดุลดัชนี MSCI รอบล่าสุด ซึ่งไม่มีหุ้นไทยเข้าใหม่ แต่มีหุ้นออกจาก MSCI Standard Index 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR โดย HMPRO ถูกย้ายไปอยู่ใน MSCI Small Cap Index ส่วน OR ถูกถอดออกทั้งหมด หุ้นที่หลุดมักเผชิญแรงขายล่วงหน้าเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC กลับเข้าสู่ MSCI Small Cap Index แม้เม็ดเงินไหลเข้าไม่มาก (ราว 15–20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) แต่ช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุน นายสุวัฒน์ กล่าวว่า ในระยะกลางยังคงมุมมองเชิงบวกต่อ SET จากสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว โดยยอดขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี สะท้อนภาคแรงงานที่อ่อนแอ เพิ่มโอกาสให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดดอกเบี้ย ขณะที่ในประเทศ ตลาดเริ่มคาดการณ์ว่า กนง. อาจปรับลดดอกเบี้ยเช่นกัน การลดดอกเบี้ยจะเพิ่มสภาพคล่อง ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากพันธบัตรสู่หุ้น และโดยปกติการลดดอกเบี้ย 0.25% จะหนุนมูลค่าตลาดราว 50–55 จุด กลุ่มหุ้นที่ได้อานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง ได้แก่ โรงไฟฟ้าอย่าง บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ได้ประโยชน์จากมูลค่ากระแสเงินสดในอนาคตสูงขึ้น ขณะที่กลุ่มเช่าซื้อ ได้แก่ KTC และ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC โดย KTC ได้แรงหนุนทั้งจาก MSCI และดอกเบี้ยลด ขณะที่ MTC มีคุณภาพสินทรัพย์แข็งแกร่ง นอกจากนี้กลุ่มหุ้นปันผลสูง ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ความน่าสนใจเพิ่มเมื่อดอกเบี้ยลด และหนี้สูงอย่าง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ได้ประโยชน์จากภาระดอกเบี้ยที่ลดลง ส่วนหุ้นเก็งกำไร แนะนำ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI หลังประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 สูงถึง 12,000 ล้านบาท สูงกว่าตลาดคาดการณ์ โดยครึ่งหนึ่งเป็นรายการพิเศษ เช่น กำไรจากปรับโครงสร้างหนี้ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และการยกเลิกสัญญาเช่าเครื่องบิน ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 6,800 ล้านบาท ถือว่าดีมากแม้เป็นช่วง Low Season สะท้อนความคล่องตัวและประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์ที่ดีขึ้น รวมถึงแผนปรับฝูงบินใหม่เพื่อดึงดูดลูกค้า นายสุวัฒน์มองว่า THAI มีโมเมนตัมเชิงบวกตั้งแต่กลับมาซื้อขาย เหมาะสำหรับเก็งกำไรระยะสั้น แต่ควรตั้งจุด Stop Loss และ Take Profit เนื่องจากราคาปัจจุบันใกล้ระดับเป้าหมายตลาดแล้ว