
“สุวัฒน์” ลุ้น SET ทะลุ 1,300 จุด รับฟันด์โฟลว์ไหลเข้า-เฟดจ่อหั่นดอกเบี้ย
“สุวัฒน์ วัฒนพรพรหม” ประเมิน SET มีโอกาสปิดเหนือ 1,300 จุด รับแรงหนุนเงินทุนต่างชาติ, เฟดจ่อหั่นดอกเบี้ย, ดอลลาร์อ่อน, บาทแข็ง พร้อมมองกลยุทธ์ลงทุนเน้นหุ้น Deep Value ในกลุ่มปิโตรเคมี และพลังงาน
นายสุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้อำนวยการสายงานวิจัย ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (12 ก.ย.68) ว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปิดเหนือระดับ 1,300 จุดในช่วงปลายสัปดาห์นี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์เมื่อคืนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นกว่า 600 จุด และเมื่อวานนี้เห็นแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติและกองทุนที่เข้ามาอย่างพร้อมเพรียง ถือเป็นสัญญาณบวกที่ช่วยหนุนตลาดไทยในระยะสั้น
ทั้งนี้ แม้เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนล่าสุดปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า แต่ยังอยู่ในกรอบที่ตลาดคาดการณ์ ขณะที่ตลาดยังคงมั่นใจต่อทิศทางดอกเบี้ยขาลง เนื่องจากภาคแรงงานสหรัฐฯ อ่อนแรงลงชัดเจน โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์อยู่ที่ 2.6 ล้านตำแหน่ง ซึ่งสูงสุดในรอบ 4 ปี ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมสัปดาห์หน้า และอาจเข้าสู่รอบดอกเบี้ยขาลงต่อเนื่องอีก 1-1.5 ปี
นอกจากนี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีการคงดอกเบี้ย ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า และเงินบาทกลับมาแข็งค่าในกรอบ 31.3–32.0 บาทต่อดอลลาร์ แม้อาจกดดันผู้ส่งออกบางส่วน แต่ก็เอื้อต่อผู้นำเข้า โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิ และยังเป็นแรงสนับสนุนต่อการนำเข้าเครื่องจักรและเทคโนโลยีในช่วงดอกเบี้ยขาลง ซึ่งช่วยเสริมวงจรการลงทุนภายในประเทศ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน นายสุวัฒน์แนะนำเน้นหุ้นกลุ่ม Deep Value ที่อยู่ในจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มปิโตรเคมีและพลังงาน ได้แก่ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ราคาเป้าหมาย 26 บาท, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ราคาเป้าหมาย 30 บาท และ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ราคาเป้าหมาย 58 บาท ขณะที่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ก็ถือว่าน่าสนใจในฐานะหุ้น Deep Value แต่ต้องจับตาต้นทุนการผลิตและประเด็นโควตาคาร์บอน ส่วน บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC แม้ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของปิโตรเคมี แต่ประสิทธิภาพการผลิตยังเป็นรองคู่แข่ง
อีกทั้งยังมองว่ากลุ่มโรงกลั่น เช่น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP อยู่ในระดับราคาที่น่าสนใจ โดยมีค่า P/BV เพียง 0.5 เท่า ขณะที่กลุ่มเดินเรือควรเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง เนื่องจากดัชนีค่าระวางคอนเทนเนอร์ยังอ่อนตัว โดยแนะนำให้เน้นไปที่ TTA และ PSL มากกว่า RCL ซึ่งราคาหุ้นไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน
ด้านการเมืองในประเทศ นายสุวัฒน์ ประเมินว่า ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลรักษาการระยะสั้น 4 เดือนเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ หรือการอยู่ยาวขึ้น หากทีมเศรษฐกิจของ ครม. ยังมีบุคลากรที่สร้างความเชื่อมั่นได้ เช่น ฝ่ายการคลัง พลังงาน และพาณิชย์ ก็คาดว่าจะไม่เป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดทุนมากนัก
โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในโซนน่าลงทุนเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาค ทั้งในด้าน Earning Gap ที่ยังสูงกว่า 5% และ Valuation ที่ไม่แพง หาก SET ก้าวข้ามระดับ 1,300 จุดได้ จะเป็นแรงส่งต่อความเชื่อมั่นและดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติอย่างต่อเนื่อง