“สุวัฒน์” ชี้สหรัฐระงับเจรจาภาษีไทย ไม่กระทบพื้นฐาน ชู AOT–ERW–CENTEL เด่น

“สุวัฒน์ วัฒนพรพรหม” ประเมินประเด็นสหรัฐระงับเจรจาภาษีไทยเป็นเพียงแรงกดดันเชิงจิตวิทยา โดยอัตราภาษียังยืนกรอบ 19% ขณะ Thai CDS และเงินบาททรงตัว สะท้อนตลาดยังไม่กังวลพื้นฐานประเทศ พร้อมแนะลงทุนกลุ่มท่องเที่ยว–บริการที่ได้อานิสงส์นักท่องเที่ยวจีนปลายปี นำโดย AOT–ERW–CENTEL


นายสุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้อำนวยการสายงานวิจัย ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (17 พ.ย.68) ว่ามุมมองต่อภาวะตลาดหุ้นไทยภายหลังสหรัฐอเมริกาแจ้ง “ระงับการเจรจาภาษีการค้าไทย–สหรัฐฯ ชั่วคราว” จากประเด็นทางการเมืองระหว่างไทย–กัมพูชา โดยได้รับผลกระทบเชิง “จิตวิทยาในทางลบ” แต่ยังไม่มีสัญญาณกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

นายสุวัฒน์กล่าวว่า แม้ประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นกะทันหัน แต่ตลาดการเงินยังไม่ตอบสนองในลักษณะหวาดวิตก โดยเฉพาะค่า Thai CDs หรือ Thailand Credit Default Swap (CDS) อายุ 5 ปี ซึ่งยังทรงตัวบริเวณ 41.5 จุด สะท้อนว่านักลงทุนไม่ได้มองว่า “ความเสี่ยงประเทศเพิ่มขึ้น” ขณะที่ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ บ่งชี้ว่ากระแสเงินทุนไม่ได้ไหลออกผิดปกติ

ทั้งนี้การระงับการเจรจาครั้งนี้อยู่ในส่วน “รายละเอียดทางเทคนิค” เช่น สัดส่วนวัตถุดิบในประเทศ (Local Content) และการตรวจสอบ Transshipment โดยอัตราภาษีนำเข้านั้น ยังคงอยู่ที่ 19% ไม่ได้ย้อนกลับไปสู่ระดับ 36% ตามที่กังวลกันก่อนหน้า แต่ล่าสุดมีสัญญาณเชิงบวกจากการหารือผ่านรัฐบาลมาเลเซียว่า สหรัฐฯเริ่มแยกแยะประเด็นการเมืองออกจากมิติการค้า ซึ่งช่วยลดความตึงเครียดในตลาดได้มากขึ้น

ด้านตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ล่าสุดสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ปี 2568 ขยายตัว 1.2% ชะลอลงจาก 2.8% ในไตรมาสก่อนหน้า นายสุวัฒน์มองว่า แม้เป็นปัจจัยลบระยะสั้น แต่ตลาดได้สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและเสถียรภาพทางการเมืองไปมากแล้ว โดยตลาดจะเริ่มโฟกัสปัจจัยในอนาคตมากกว่า โดยเฉพาะกำลังซื้อภายในประเทศ และแนวโน้มการเลือกตั้งที่อาจเกิดขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 1 ปี 2569

สำหรับทิศทางการลงทุน บล.กรุงศรี ประเมินว่าปัจจัยสำคัญที่ตลาดรอติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีผลต่อมุมมองของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะโดดเด่นในระยะสั้น คือ ภาคบริการและท่องเที่ยว จากกระแสความขัดแย้งระหว่างจีน–ญี่ปุ่น ซึ่งนำไปสู่คำเตือนการเดินทางของทางการจีน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวอาจเปลี่ยนจุดหมายมายังไทยมากขึ้น

หุ้นเด่นที่แนะนำได้แก่

AOT ผู้ให้บริการสนามบิน ซึ่งจะได้ประโยชน์โดยตรงจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว

ERW กลุ่มโรงแรมที่มีฐานลูกค้าชาวจีนสัดส่วนสูง

CENTEL ซึ่งมีผลประกอบการไตรมาส 3/68 ดีกว่าคาด และมี Synergy เชิงกลยุทธ์ในธุรกิจร้านอาหาร

ส่วนการแข่งขันในอุตสาหกรรมร้านสุกี้ นายสุวัฒน์มองว่า แม้การแข่งขันจะรุนแรง แต่การเข้าซื้อกิจการ “Luckky” ของ CENTEL จะสร้างความได้เปรียบเชิงโครงสร้างผ่านห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแรง ขณะที่ร้าน MK แม้เผชิญแรงกดดันในระยะสั้น แต่ระยะกลางยังมีโอกาสฟื้นตัวหากโมเดลธุรกิจใหม่สร้างผลกำไรต่อเนื่อง

Back to top button